วันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

แอบรัก

แด่คนที่กำลังพยายาม เอาชนะหัวใจใครบางคน (ลิซ่า) ยังมีเด็กกำพร้าในโลกนี้มากมายนักที่ถูกทอดทิ้ง พวกเขาโหยหาความรัก แต่กลับไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับมัน และยังมีคนอีกนับล้านคน ที่แสวงหาความรัก แต่ทั้งชีวิตกลับไม่เคยได้รู้จักกับความรักเลย ในขณะที่มีผู้คนอีกหลายคนบนโลกนี้ พยายามที่จะปฏิเสธความรัก ทั้งๆ ที่ความรักมันวนเวียนอยู่รอบๆ ตัวเขา คนหลายๆ คน มีความรักอยู่ในหัวใจ แต่ไม่กล้าที่จะพยายามเพื่อความรัก เพราะกลัวจะต้องผิดหวัง เสียใจ คนบางคนมีความรักในหัวใจ แต่พอรู้ว่าเขาหรือเธอยังไม่มีใจให้เรา ก็หมดศรัทธาในความรักในทันที แทนที่จะพยายามและประคับประคองหัวใจตัวเองให้ถึงที่สุด บางทีการที่เราได้พยายามที่จะชนะหัวใจใคร ก็อาจทำให้เรากลายเป็นคนที่มีคุณค่า และทำให้อีกฝ่ายเห็นคุณค่าของเราด้วยเช่นกัน ถ้าเรารักใครสักคนอย่างแท้จริง รักจะไม่มีวันทำร้ายใคร มีแต่ตัวเราเองเท่านั้นที่เอาข้ออ้างของความรักแล้วทำร้ายตัวเอง หากเรามองความรักให้ดี ความรักนั้นสวยงามและยิ่งใหญ่ ก่อเกิดพลัง แรงใจให้กับชีวิตของคนเรา ลองพยายามให้เต็มที่ ให้ถึงที่สุด ที่จะเอาชนะหัวใจของคนที่เรา "รัก" สักครั้ง ก่อนที่จะสายเกินไป หากวันหนึ่งที่เราสูญเสียเขาหรือเธอไปจริงๆ โดยที่เราไม่ได้พยายามอะไรที่จะทำให้เขามอบใจให้เราได้เลย เรานั่นแหละที่จะเป็นคนที่เสียใจที่สุด เพราะตัวเราเอง อย่าเพิ่งยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ลงแข่ง เพราะบางทีการพยายามสุดตัวของเรา ก็จะเกิดผลมากมาย ดีกว่าเราไม่ได้พยายามอะไรเพื่อหัวใจตัวเองเลย ลองดูสักครั้ง หากผลที่ได้กลับมาคือความผิดหวัง ก็จงอย่าเสียใจ เพราะว่าเราได้พยายามถึงที่สุดแล้วแล้ว และขอจงภูมิใจว่าเราเป็นคนที่มีคุณค่าที่สุด ที่ชีวิตนี้ได้เกิดมาแล้วได้ทำอะไรเพื่อหัวใจตัวเองและเพื่อหัวใจของคนที่เรารัก ความรักที่แท้จริงจะคู่ควรกับคนที่เห็นคุณค่าของความรักเท่านั้น

วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

การ เข้า ครัว

เคล็ดลับข้างครัว ทอดอาหารไม่ให้อมน้ำมัน (คมชัดลึก) คนไทยนิยมรับประทานอาหารทอดอย่างแพร่หลาย เนื่องจากรสชาติที่กรอบ อร่อย และมีสีสันสวยงาม สิ่งสำคัญในการทอด คือ น้ำมัน นอกจากจะทำให้อาหารสุกแล้ว ยังเป็นตัวดูดซับวิตามิน เอ ดี อี เค อันจำเป็นต่อร่างกาย แต่น้ำมัน เป็นอันตรายต่อผู้สูงอายุ และคนอ้วน ดังนั้น การกินอาหารทอดมากๆ ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ วิธีทำให้อาหารทอดไม่อมน้ำมัน คือ ทอดด้วยไฟปานกลางค่อนข้างร้อน เมื่อของที่ทอดสุกใกล้จะนำขึ้นจากกระทะ ให้เร่งไฟแรงขึ้น ให้น้ำมันเดือดสักครู่จึงตักอาหารขึ้นจากกระทะ ทำให้อาหารที่ทอดจะไม่อมน้ำมัน

ส่อแวว รัก

ยามคุณไปสะดุดรักใครเข้า (ต๊ายตายใครยะหล่อน?) คุณสงสัยไหมว่า อีกฝ่าย (ที่คุณอยากเซ้าซี้, ตอแย, คลอเคลีย และอยากรู้เรื่องเกี่ยวกะเค้าไปซะทุกอย่าง) เค้ามีความรู้สึกกะคุณยังไงมั่ง? อู๊ย....อย่าทำเป็นส่ายหน้าปฏิเสธว่าไม่อยากรู้... ขอร้อง เพราะเวลามนุษย์เราปิ๊งเลิฟกะใครสักคน มีรึจะไม่อยากรู้จัก "ฝ่ายที่ตัวหมายปอง" ให้ ถี่ถ้วนทุกประการ ฮัดโธ่ มีแต่อยากรู้เรื่องโน้นเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทั้งในที่ลับและที่แจ้งของเค้าแหงๆ เช่น อยากรู้ตั้งแต่เค้าเกิดวันไหน? มีพี่น้องกี่คน? เค้าเป็นลูกคนที่เท่าไหร่? มีแฟนรึยัง เอ๊ะหรือมีแฟนเก่ามาแล้วกี่คน?....โอ้โห ข้อนี้ขอเน้นเลยว่า อยากรู้ที่ซู้ดฮาๆๆ แถมยังอยากให้ "คนที่คุณมีใจด้วย" เฉลยคำตอบในข้อที่ว่า มีแฟนรึยัง? เป็นข้อแรกซะด้วยซ้ำไป...เออเอากะตูสิ ถ้าเผื่อรู้ว่าเค้ามีแฟนแล้ว และบังเอิญความคิดชั่วร้ายดันกำเริบระงับไม่อยู่...เราก็คิดแหละว่าจะเพิ่มความพยายามจีบเค้ามากขึ้นอีกแค่ไหน เพื่อให้เค้าใจอ่อนหันมาซบอกเราแทนน่ะซี....แต่เฮ้ย ฟังแล้วทะแม่งๆแฮะ งานนี้ไม่กลัวตายก็ควรกลัวบาปกลัวกรรมบ้างนะเฟ้ย งั้นเป็นว่า หาก "คนที่คุณเล็งไว้" นั้นมีแฟนแล้ว (ไม่รู้จะรีบมีทำไม? คอยให้เจอเราก่อนก็ไม่ได้!) ก็อย่าไปเปิดตำนาน "ชั้นรักผัวเค้า" หรือ “ชั้นรักเมียเค้า” เลย เรื่องผิดศีลธรรมน่ะอย่าไปทำเชียว ไว้รอเจอใครสักคนที่โสดแต๊ๆ (โสดแท้ๆ) หรือไร้พันธะผูกพันทางใจ และทางกายกับแฟนคนเก่าของเค้าแล้ว ค่อยซิวมาเป็นแฟนกันดีกว่าเนอะ ทีนี้ล่ะจะสวีตหวานกันแค่ไหนก็สามารถทำได้ โดยไม่ต้องเกรงใจผู้ใดในหล้าโลกนี้ ไชโย สัปดาห์นี้ก็แม่นแล้วจ้ะ ว่าอยากฝอย เรื่องสัญญาณที่บอกว่าเค้าเลิฟยู และมีใจให้คุณอย่างยิ่งยวด แต่แทนที่จะบอกตรงๆว่าชอบคุณ...ก็ไม่หรอก แหมเขินจะตาย งั้นขอบอกในรูปสัญญาณเลิฟง่ายๆดังต่อไปนี้ละกัน อ้อ ขออุบอิบบอกกติกาก่อนว่า เค้าคนนี้จะเป็นหญิงหรือชายหรือเกย์ก็ได้นะ เพราะเวทีนี้เปิดกว้างให้กับผู้มีใจรักทุกคนฮ่ะ เอาละวา สัญญาณแรกได้แก่... 1. ให้ความสำคัญกับคุณในระดับเอลิสต์ เชียวนะเฟ้ย ไม่ใช่ให้ความสำคัญกับคุณแค่ในระดับบ๊วยลิสต์ เมื่อเค้าให้ความสำคัญอย่างที่สุดกับคุณถึงเพียงนี้ แล้วยังกังขาอีกหรือจ๊ะว่าเค้าคิดกะคุณยังไงกันแน่? แหม...ก็จะคิดไงล่ะในเมื่อมีแต่รักรักรัก รักรักเธอเท่านั้น คิดดู ถ้าเค้าไปตัดผมมา ก็อยากบอกคุณเป็นคนแรก, ถ้าวันไหนเค้าเจอเรื่องที่ทำให้มีสุขหรือทุกข์ใจ ก็เก็บมาเล่าให้คุณฟังอีก ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นต้องเล่าให้ฟังซะหน่อย ที่สำคัญ หากวันไหนตรงกับวันเกิดของคุณ วันนั้นเค้าจะทำตัวว่างเป็นพิเศษ เพื่อหวังพาคุณไปฉลองสองต่อสองอ่ะดี้ โอ้ช่างน่ารักซะจริงๆ ขอแฟนแบบนี้คนดิ่! 2. มาหาทันทีที่ว่าง หรือถ้าคุณอยากให้ เค้ามาอยู่ใกล้ๆ ก็จะไปไม่เกี่ยงงอน ขนาดไม่มีรถขับเอง ก็จะเพียรพยายามหาวิธีไหนก็ตาม ไม่ว่าจะนั่งแท็กซี่, แย่งคิวมอเตอร์ไซค์ หรือนั่งรถตู้, รถสองแถว เพื่อมุ่งไปหา "คนที่เค้ามีใจ" ก่อนใครเพื่อน ซึ่งว่าตามตรง บางทีเค้าก็ไม่รู้หรอกว่าคุณอยากเจอเค้าไหม? หวังว่าใจของเค้าคงไม่เก้อ เลิฟยูข้างเดียวนะ 3. อยากพาคุณไปหาครอบครัวและเพื่อนสนิทของเค้า อ่ะจะไม่ให้อยากทำอย่างนี้ได้ไง ในเมื่อเค้าภูมิใจที่มีคุณเป็นแฟนน่ะซี เค้าจึงไม่อยากเก็บเรื่องเกี่ยวกับคุณไว้เป็นความลับของเค้าเพียงลำพัง แต่อยากพาคุณไปโชว์ให้พ่อแม่, พี่น้อง และเพื่อนที่สนิทจริงๆ ได้รู้จักกันไว้ แต่คงไม่ถึงกับต้องประกาศให้ทั้งโลกรู้หรอกนะ เพราะ ก. คนทั้งโลกก็ไม่อยากรู้หรอกว่า แฟนของเค้าเป็นใคร? จริงปะ ยิ่งถ้าเค้าไม่ใช่ดารา, นาง-นายแบบ หรือนักร้อง, นักกีฬาชื่อดัง ก็ไม่ต้องทำอะไรให้เว่อร์เกินไปหรอก และ ข. เรื่องความรัก สำหรับบางคู่ถือเป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องของคนสองคนที่จะเข้าใจกันหรือจะตบตีกันก็แล้วแต่ ว่าฝ่ายไหนจะทนรับกันได้แค่ไหนนะซี 4. มักตามใจคนเลิฟ ไม่ใช่เอาแต่ใจตัวเค้าเอง แหม ข้อนี้อยากฝอยมากเลยฮ้า เอ้าหากรักกันจริง "คนมีความเลิฟ" ส่วนใหญ่ก็มักตามใจแฟนทั้งนั้น บางครั้งอาจตามใจในสิ่งที่ไม่มีเหตุผล หรือตามใจในสิ่งที่หน่อมแน้มซะด้วยซ้ำ เพราะงี้ ถ้าใครบอกรักคุณ ทว่าโคตรเอาแต่ใจตัวเค้าเองเลย หยั่งงี้ก็ประหลาดว่ะ เอ๊ะมันรักคุณหรือว่ารักตัวเองกันแน่ฟะ เอ้าหาคนที่แยกแยะเรื่องพวกนี้ให้ได้ละกัน แต่พูดก็พูด เรามักเจอคนแบบนี้มากกว่าคือ ตอนแรกก็ตามใจแฟนดีหรอก แต่นานๆเข้า รักชักสนิมเกาะ ดังนั้น จากเคยตามใจ เลยกลายเป็นมึงอยากทำอะไรก็ทำไป อ้าว...ไหงเป็นงี้ไปได้เนี่ย 5. อยากวางแผนชีวิตคู่ร่วมกะคนที่เค้าเลิฟ ไม่งั้นจะให้คิดสะระตะวางแผนชีวิตนี้กะใครล่ะ เมื่อมีความรักก็มักอยากพูดคุย, อยากฟังความคิดเห็น และอยากใช้เวลาที่เค้าเหลืออยู่ในชีวิตนี้ร่วมกะ "คนที่ใช่" มากกว่า ขอเพียงเจอ "คนที่มาร่วมกันฝันค้าง" เอ๊ย ช่วยกันปั้นฝันให้เป็นจริงก่อนเหอะว้า แล้วรับรองอนาคตของคู่รักคู่นี้แจ่มแจ๋วแน่นอน แต่การวางแผนชีวิตคู่ก็ต้องดูเหมือนกันนะว่า แฟนของคุณเค้ารับกะแผนในระยะสั้น, ปานกลาง หรือยาวนานได้แค่ไหน? ดังนั้น ก่อนทำอะไรก็ควรค่อยๆ ทำ ค่อยๆ ปรึกษาหารือ อย่าบุ่มบ่ามขีดเส้นให้แฟนเดินตามกรอบที่คุณเขียนไว้ ไม่งั้นคงอึดอัดน่าดู 6. ขยันส่งความรักหากัน เดี๋ยวก็ส่ง sms มา และหรือไม่ก็โทรศัพท์วันละหลายหน เพราะนี่ไงล่ะฮ้าที่เค้าเรียกว่า "รัก"

บทเรียนรัก

บทเรียนรัก...ที่คุณอาจไม่คาดคิด (Lisa) การแต่งงานที่เกิดจากการถูกจับคู่อาจฟังดูไม่โรแมนติกเอาเสียเลย แต่ผู้หญิงที่เลือกแต่งงานแบบนี้อาจสามารถสอนเราได้บางอย่างในการมีความสุขกับชีวิตคู่ เพราะผู้หญิงเหล่านี้มีความคิดในเรื่องความรักและความโรแมนติกที่เป็นจริงมากกว่า ซึ่งท่ำให้พวกเธอสามารถมีความสุขกับคนที่อยู่ด้วยได้นี่เป็นข้อมูลจาก วีว่า เซ็ธ ผู้เขียนหนังสือเรื่อง First Comes Marriage และต่อไปนี้คือบทเรียนบางอย่างที่ควรจำไว้ ค้นหาความเข้มแข็งภายในของคุณ "ผู้หญิงที่แต่งงานแบบถูกจับคู่ไม่ได้คาดหวังว่า สามีของพวกเธอจะต้องเติมเต็มความต้องการทางอารมณ์ของพวกเธอทุกอย่าง" เซ็ธให้อรรถาธิบาย พวกเธอจะมองสามีเป็นหุ้นส่วนชีวิต เป็นเพื่อน และเป็นผู้ให้การสนับสนุน แต่ไม่ใช่ผู้เดียวที่จะให้ความสุขแก่พวกเธอ ฉะนั้น แทนที่จะพึ่งพาแต่สามี ผู้หญิงเหล่านี้จะรู้จักสร้างความสุขด้วยตัวเอง และผลก็คือพวกเธอไม่ได้เก็บกักความขุ่นข้องหมองใจต่อสามีเอาไว้ ในยามที่พวกเขาไม่อาจเติมเต็มสิ่งที่เป็นไปไม่ได้แก่พวกเธอ เน้นในสิ่งที่คุณชอบในตัวของกันและกัน เพราะผู้หญิงที่แต่งงานจากการถูกจับคู่รู้ว่าพวกเธอต้องเรียนรู้ที่จะรักสามีของตัวเอง พวกเธอจึงสนใจแต่สิ่งที่ดีๆ ในตัวเขา และปล่อยวางสิ่งเล็กน้อยที่ไม่สลักสำคัญนัก แทนที่จะจมอยู่แต่กับความคิดที่ว่าทำไมเขาไม่เป็นอย่างนั้น ทำไมเขาไม่ทำอย่างนี้พวกเธอจะมองหาสิ่งที่สามีทำได้ดีและถูกต้องแทน และเมื่อเธอชื่นชมในสิ่งที่สามีทำ เขาก็จะรู้สึกแบบเดียวกันต่อเธอ ความโรแมนติกนิยามใหม่เนื่องจากการแต่งงานแบบถูกจับคู่ไม่ได้เกิดจากการเกี้ยวพาราสีและทำความรู้จักกันตามปกติ ผู้หญิงที่แต่งงานแบบนี้จึงไม่มีความคาดหวังในเรื่องการแสดงความโรแมนติกแบบดั้งเดิม (เช่น ดินเนอร์ใต้แสงเทียน) แต่พวกเธอจะให้คุณค่าแก่การแสดงความเอาใจใส่เล็กๆ น้อยๆ ที่บ่อยครั้งอาจมีความหมายได้มากกว่า

การให้ อภัย

นานมากแล้ว . . . ผู้หญิงคนหนึ่ง รับรู้ว่ามีหัวใจ เพราะเธอรู้ว่าเธอมีลมหายใจ แต่ถึงแม้เธอเป็นแค่ผู้หญิงที่ธรรมดาๆ แค่นั้น เธอก็สามารถทำเพื่อปกป้องคนๆ หนึ่งได้ มีผู้ชายสองคนมาจีบเธอ คนที่หนึ่ง . . . เธอไม่ได้คิดชอบเลยสักนิด คนที่สอง . . . คือ คนที่เธอต้องการ และก็ชอบอยู่ในใจ ชายคนที่หนึ่ง . . . ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ผู้หญิงคนนี้มาทั้งที่เขานั้นไม่มีอะไรดี เจ้าชู้ต่างจากชายคนที่สอง ที่ผู้หญิงคนนี้ก็รู้สึกว่าชอบเขาเหมือนกันเขาทั้งดีและเป็นสุภาพบุรุษ คุณรู้ไหมว่า . . . ผู้หญิงคนนี้ได้เลือกใคร?เธอเลือกชายคนที่หนึ่ง ทำให้ชายคนที่สองก็ต้องบอกลาไปด้วยความเจ็บปวด ผู้หญิงคนนี้เล่ารู้สึกอย่างไร ทำไมเลือกชายคนที่หนึ่ง ทั้งที่เธอก็มีความต้องการชายคนที่สอง เวลาผ่านไปแสนนาน . . . และก็ได้พิสูจน์หัวใจคน และต่างคนต่างมีชีวิตที่ได้ไขว่คว้าขึ้นมาใหม่ ชายคนที่หนึ่ง . . . ได้จากไปแล้ว ไปมีและใช้ชีวิตในแบบของเขา ไปอยู่ตามเวรตามกรรมของเขา ชายคนที่สอง . . . ใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่มีใครมาอยู่เคียงข้าง และแล้ววันหนึ่ง . . . ผู้หญิงคนนี้ได้มาพบกับชายคนที่สองอีกครั้งและเธอก็ได้ติดต่อกับเขา และเล่าถึงเหตุการณ์ในอดีตให้เขาฟังและทุกสิ่งที่เธอเก็บมาตลอดเวลาที่ผ่านมา . . . เมื่อก่อนนั้นฉันชอบเธอนะ เวลาที่ผ่านมาก็ยังแอบเฝ้ามองเธออยู่บ้าง เรื่องเขานั้น . . . เราจบกันหลังจากนั้นไม่เท่าไร ฉันคิดถึงเธอมาตลอด . . . วันนี้ฉันขอแค่ได้บอกว่า วันนั้นเขาได้บังคับให้ฉันคบกับเขาเพื่อที่จะแลกกับการทำร้ายตัวเธอ ฉันกลัวเธอจะไม่ปลอดภัย แล้วเขาก็ยังขู่เข็ญฉันต่างๆ นานาเพื่อให้ฉันยอมเขาทุกเรื่อง ฉันขอโทษสำหรับเรื่องวันนั้น . . . แต่เพราะว่าฉันคิดอะไรไม่ออกแล้วจริงๆ คุณรู้รึป่าวว่าคำตอบที่กลับมาของชายคนที่สองคืออะไร เขาเปิดรับเธอเข้ามาในหัวใจอีกครั้ง . . . และทำให้เธอลืมอดีตทั้งหมดและวางอนาคตไว้ที่เขาคนเดียว ด้วยการที่ขอเธอแต่งงานและมีชีวิตอยู่ร่วมกัน ทำไมเขาถึงอภัยให้เธอล่ะ เธอได้ทำร้ายหัวใจเขาไม่ใช่เหรอ ก็เพราะว่าเขารักเธอไงล่ะ เขารักจนอภัยให้เธอได้ทุกอย่าง เขาเชื่อว่าผู้หญิงคนนี้ได้ปกป้องตัวเขาไว้ และวันนี้เขานี้แหล่ะจะเป็นคนที่ปกป้องเธอตลอดไป ด้วยความรักและผูกพันโดยไม่มีอะไรมาทดแทนได้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน หัวใจเท่านั้นที่ไม่ใช่ตัวเลขและไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลา และไม่มีการทำให้สายเกินไป ไม่ว่าวันไหนถ้ามีความต้องการเราก็จะหากันจนเจอ. . . ได้พบกันจนได้ไม่ว่านานแค่ไหน

ดูแล รอบ ดวงตา

เทคนิคผ่อนคลายผิวรอบดวงตา (เดลินิวส์) ใครที่ใช้ดวงตาอย่างหนัก แล้วอยากผ่อนคลายผิวรอบดวงตา วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีเทคนิคมาบอก... เทคนิคการผ่อนคลายผิวรอบดวงตา วิธีทำง่ายๆ คือ เพียงใช้ปลายนิ้วชี้ กลาง และนาง ยืดคิ้วออกด้านข้าง 3 ครั้งใช้นิ้วกลางของทั้งสองข้างหมุนวนรอบดวงตาพร้อมๆ กัน โดยวนตามเข็มนาฬิกา ในทุกครั้งให้หยุดกดที่บริเวณหัวคิ้ว ทำแบบนี้ซ้ำทั้งหมด 6 รอบ และใช้นิ้วกลางกดจุดไล่ตั้งแต่หัวคิ้วถึงขมับ 3 รอบ กดจุดไล่ลงมาที่บริเวณใต้ตา ไล่ตั้งแต่หัวตาถึงหางตา 3 รอบ ใช้นิ้วกลางนวดที่บริเวณขมับ หมุนเป็นรูปเลขแปด ทำซ้ำทั้งหมด 6 รอบ ทำซ้ำขั้นตอนที่ 2-5 ทั้งหมด 3 รอบ นำมือทั้งสองข้างปิดที่ดวงตา ลากน้ำหนักที่ปลายนิ้วออกไปที่ด้านข้างกรอบหน้า แล้วจึงค่อยๆ ยกฝ่ามือออกจากใบหน้าเพียงเท่านี้ก็จะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้ หากต้องการความอ่อนเยาว์ของดวงตา ควรเข้ารับการตรวจตาเป็นประจำทุกๆ 2-4 ปี และทุก ๆ 1-2 ปี สำหรับผู้มีอายุ 65 ปีขึ้นไป สำหรับผู้ที่ต้องนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นประจำ เริ่มฝึกนิสัยพักสายตาโดยการมองออกไปไกลๆ ทุกๆ 10-15 นาที สวมใส่แว่นตาดำที่ปกป้องและกรองแสงยูวีทุกๆ ครั้งที่ทำกิจกรรมกลางแจ้ง ปกป้องและระวังไม่ให้ดวงตาสัมผัสควัน และฝุ่นละอองต่างๆ โดยตรงแนะนำอีกนิดสำหรับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์รอบดวงตา การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับรอบดวงตา ควรเลือก ครีมที่ใช้สำหรับรอบดวงตาโดยเฉพาะ ห้ามนำครีมทาหน้ามาใช้ปะปนกัน ไม่เช่นนั้นอาจก่อให้เกิดอาการอักเสบบวมได้ เนื่องจากเนื้อครีมที่ข้นเกินไปอาจซึมลงไปอุดตันท่อน้ำตาได้ ควรเลือกซื้อครีมที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ เพื่อความอ่อนโยนต่อผิวที่บอบบางที่สุด และสำหรับกลุ่มวัยรุ่น หรือผู้ที่มีผิวมัน ให้มองหาผลิตภัณฑ์ประเภทเจลเพิ่มความสดชื่นจะเหมาะที่สุด แต่ไม่ว่าเป็นครีมชนิดใดก็ตามควรมีกันแดดผสม สำหรับวิธีใช้ ให้ทารอบดวงตาด้วยนิ้วนาง (เพราะแรงกดน้อยที่สุด) ทาวนจากหัวตาด้านล่างวนขึ้นสู่หัวตาด้านบน จะช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น และลดริ้วรอยที่จะเกิดในอนาคตได้อีกด้วย อ่านแล้วอย่าลืมหันมาดูแลรักษาดวงตาของเรากันดีกว่า เพื่อสุขภาพตาที่ดี

วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ทายนิสัย ตอน เมา

พูดมาก สำหรับคนที่เมื่อเมาเหล้านั้นจะกลายเป็นคนที่พูดมากขึ้น พูดเก่งขึ้นกว่าปกตินั้น แสดงถึงนิสัยของการเป็นคนร่าเริง รักความสนุกสนานมองโลกในแง่ดี ชอบชีวิตที่หรูหรา ฟู่ฟ่า และการอยู่ในวงล้อมของมิตรสหาย แต่ในขณะเดียวกันนั้น ก็จะเป็นคนที่เชื่อมั่นในความสามารถตนเอง เย่อหยิ่ง ดูถูกคน ชอบมองว่าคนอื่นโง่ คิดว่าตัวเองฉลาดเสียเต็มประดา คนจึงเกลียดมากพอๆ กับคนที่รักใคร่ชอบพอ เงียบขรึม หรือไม่มีสติ คนที่แปรเปลี่ยนกลายเป็นคนที่เงียบขรึม หรือไม่มีสติ หลังจากที่ดื่มน้ำเปลี่ยนนิสัยเข้าไปนั้น เป็นลักษณะนิสัยคนที่ช่างคิดและคิดมากจนเกือบจะเป็นคนหมกมุ่นเลยทีเดียว แล้วก็จะสนิทกับคนยาก และหากถูกกดดันมากๆ จะชอบหนีไปอยู่ในโลกส่วนตัวที่ตนสร้างขึ้นมาและไม่ชอบให้ใครเข้าไปข้องเกี่ยว ลึกๆ แล้วเป็นคนขี้เหงา ว้าเหว่ แต่ไม่ชอบแสดงความรู้สึกอ่อนแอของตนออกมาให้คนอื่นเห็น เจ้าชู้เงียบๆ ไม่ชอบให้ใครมาผูกมัด ร้องไห้คร่ำครวญ พื้นฐานนิสัยจริงๆ นั้น เป็นคนอ่อนแอจิตใจอ่อนไหว ขี้ใจน้อย สะเทือนใจง่าย แต่จะไม่ใช่คนที่แสดงออก จึงมีกเก็บทุกสิ่งเอาไว้เงียบๆ คนเดียว น้อยคนนักที่จะรู้จักจริงๆ ลึกๆ แล้วเป็นคนที่ต้องการให้คนอื่นสนใจตนเองต้องการให้คนมารักใคร่ห่วงใย บางครั้งจึงเหมือนคนเจ้าชู้ คบหาคนไปเรื่อยๆ เล่นๆ ไปวันๆ แต่จริงๆ แล้วแสวงหารักแท้ ทะลึ่งทะเล้น คนที่เมื่อดื่มเหล้าเข้าไปแล้วจะมีอาการทะลึ่งทะเล้นจนเห็นได้ชัดนั้น แสดงถึงนิสัยที่เปิดเผย รักสนุก โดยเฉพาะในเรื่องรักๆ ใคร่ๆ จะให้ความสนใจเป็นพิเศษและมีพลังทางด้านนี้สูง ไม่มีความเขินอายเกี่ยวกับเรื่องเซ็กส์ แล้วก็ยังสนใจศาสตร์ที่เกี่ยวกับเรื่องเพศสัมพันธ์ด้วย แต่ในขณะเดียวกันก็จะเป็นคนที่รักอิสระไม่ชอบให้ใครมาผูกมัดหรือครอบครองตนเพราะเป็นคนจะเบื่อง่าย และไม่ชอบการที่จะต้องอยู่ในระเบียบหรือกฏเกณฑ์ของใคร หน้าแดง คนที่เวลาเมาเหล้าแล้วมักหน้าแดงนี้เป็นคนที่เก็บความรู้สึกไม่เป็น หรือไม่อาจเก็บรักษาความลับอะไรได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ใช่คนที่เปิดเผยอีกเหมือนกันแต่ก็จะเฉพาะกับเรื่องราวของตัวเองเท่านั้น เป็นคนที่มักมีปัญหาเรื่องสุขภาพ จึงค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องการดูแลตนเองมาก มักจะมีความวิตกกังวลสูงกับเรื่องความเจ็บป่วย ชอบแสวงหาความมั่นคงในทุกรูปแบบให้กับชีวิตของตน โวยวายหาเรื่อง คนที่ชอบโวยวายหาเรื่องคนอื่นเมื่อเหล้าเข้าปากนั้นแสดงถึงนิสัยที่เป็นคนอารมณ์รุนแรง เปลี่ยนแปลงง่าย ประเดี๋ยวดีแต่อีกเดี๋ยวเดียวก็โมโหโกรธาเสียแล้ว จะเป็นคนโกรธง่ายหายเร็วเหมือนกัน ใจคอกว้างขวาง ชอบมีเพื่อนฝูงเยอะๆ เป็นคนเถรตรง พูดจาไม่ค่อยถูกหูคนนัก คิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ไม่ชอบงานที่มีพิธีการมากมาย