วันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

แอบรัก

แด่คนที่กำลังพยายาม เอาชนะหัวใจใครบางคน (ลิซ่า) ยังมีเด็กกำพร้าในโลกนี้มากมายนักที่ถูกทอดทิ้ง พวกเขาโหยหาความรัก แต่กลับไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับมัน และยังมีคนอีกนับล้านคน ที่แสวงหาความรัก แต่ทั้งชีวิตกลับไม่เคยได้รู้จักกับความรักเลย ในขณะที่มีผู้คนอีกหลายคนบนโลกนี้ พยายามที่จะปฏิเสธความรัก ทั้งๆ ที่ความรักมันวนเวียนอยู่รอบๆ ตัวเขา คนหลายๆ คน มีความรักอยู่ในหัวใจ แต่ไม่กล้าที่จะพยายามเพื่อความรัก เพราะกลัวจะต้องผิดหวัง เสียใจ คนบางคนมีความรักในหัวใจ แต่พอรู้ว่าเขาหรือเธอยังไม่มีใจให้เรา ก็หมดศรัทธาในความรักในทันที แทนที่จะพยายามและประคับประคองหัวใจตัวเองให้ถึงที่สุด บางทีการที่เราได้พยายามที่จะชนะหัวใจใคร ก็อาจทำให้เรากลายเป็นคนที่มีคุณค่า และทำให้อีกฝ่ายเห็นคุณค่าของเราด้วยเช่นกัน ถ้าเรารักใครสักคนอย่างแท้จริง รักจะไม่มีวันทำร้ายใคร มีแต่ตัวเราเองเท่านั้นที่เอาข้ออ้างของความรักแล้วทำร้ายตัวเอง หากเรามองความรักให้ดี ความรักนั้นสวยงามและยิ่งใหญ่ ก่อเกิดพลัง แรงใจให้กับชีวิตของคนเรา ลองพยายามให้เต็มที่ ให้ถึงที่สุด ที่จะเอาชนะหัวใจของคนที่เรา "รัก" สักครั้ง ก่อนที่จะสายเกินไป หากวันหนึ่งที่เราสูญเสียเขาหรือเธอไปจริงๆ โดยที่เราไม่ได้พยายามอะไรที่จะทำให้เขามอบใจให้เราได้เลย เรานั่นแหละที่จะเป็นคนที่เสียใจที่สุด เพราะตัวเราเอง อย่าเพิ่งยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ลงแข่ง เพราะบางทีการพยายามสุดตัวของเรา ก็จะเกิดผลมากมาย ดีกว่าเราไม่ได้พยายามอะไรเพื่อหัวใจตัวเองเลย ลองดูสักครั้ง หากผลที่ได้กลับมาคือความผิดหวัง ก็จงอย่าเสียใจ เพราะว่าเราได้พยายามถึงที่สุดแล้วแล้ว และขอจงภูมิใจว่าเราเป็นคนที่มีคุณค่าที่สุด ที่ชีวิตนี้ได้เกิดมาแล้วได้ทำอะไรเพื่อหัวใจตัวเองและเพื่อหัวใจของคนที่เรารัก ความรักที่แท้จริงจะคู่ควรกับคนที่เห็นคุณค่าของความรักเท่านั้น

วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

การ เข้า ครัว

เคล็ดลับข้างครัว ทอดอาหารไม่ให้อมน้ำมัน (คมชัดลึก) คนไทยนิยมรับประทานอาหารทอดอย่างแพร่หลาย เนื่องจากรสชาติที่กรอบ อร่อย และมีสีสันสวยงาม สิ่งสำคัญในการทอด คือ น้ำมัน นอกจากจะทำให้อาหารสุกแล้ว ยังเป็นตัวดูดซับวิตามิน เอ ดี อี เค อันจำเป็นต่อร่างกาย แต่น้ำมัน เป็นอันตรายต่อผู้สูงอายุ และคนอ้วน ดังนั้น การกินอาหารทอดมากๆ ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ วิธีทำให้อาหารทอดไม่อมน้ำมัน คือ ทอดด้วยไฟปานกลางค่อนข้างร้อน เมื่อของที่ทอดสุกใกล้จะนำขึ้นจากกระทะ ให้เร่งไฟแรงขึ้น ให้น้ำมันเดือดสักครู่จึงตักอาหารขึ้นจากกระทะ ทำให้อาหารที่ทอดจะไม่อมน้ำมัน

ส่อแวว รัก

ยามคุณไปสะดุดรักใครเข้า (ต๊ายตายใครยะหล่อน?) คุณสงสัยไหมว่า อีกฝ่าย (ที่คุณอยากเซ้าซี้, ตอแย, คลอเคลีย และอยากรู้เรื่องเกี่ยวกะเค้าไปซะทุกอย่าง) เค้ามีความรู้สึกกะคุณยังไงมั่ง? อู๊ย....อย่าทำเป็นส่ายหน้าปฏิเสธว่าไม่อยากรู้... ขอร้อง เพราะเวลามนุษย์เราปิ๊งเลิฟกะใครสักคน มีรึจะไม่อยากรู้จัก "ฝ่ายที่ตัวหมายปอง" ให้ ถี่ถ้วนทุกประการ ฮัดโธ่ มีแต่อยากรู้เรื่องโน้นเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทั้งในที่ลับและที่แจ้งของเค้าแหงๆ เช่น อยากรู้ตั้งแต่เค้าเกิดวันไหน? มีพี่น้องกี่คน? เค้าเป็นลูกคนที่เท่าไหร่? มีแฟนรึยัง เอ๊ะหรือมีแฟนเก่ามาแล้วกี่คน?....โอ้โห ข้อนี้ขอเน้นเลยว่า อยากรู้ที่ซู้ดฮาๆๆ แถมยังอยากให้ "คนที่คุณมีใจด้วย" เฉลยคำตอบในข้อที่ว่า มีแฟนรึยัง? เป็นข้อแรกซะด้วยซ้ำไป...เออเอากะตูสิ ถ้าเผื่อรู้ว่าเค้ามีแฟนแล้ว และบังเอิญความคิดชั่วร้ายดันกำเริบระงับไม่อยู่...เราก็คิดแหละว่าจะเพิ่มความพยายามจีบเค้ามากขึ้นอีกแค่ไหน เพื่อให้เค้าใจอ่อนหันมาซบอกเราแทนน่ะซี....แต่เฮ้ย ฟังแล้วทะแม่งๆแฮะ งานนี้ไม่กลัวตายก็ควรกลัวบาปกลัวกรรมบ้างนะเฟ้ย งั้นเป็นว่า หาก "คนที่คุณเล็งไว้" นั้นมีแฟนแล้ว (ไม่รู้จะรีบมีทำไม? คอยให้เจอเราก่อนก็ไม่ได้!) ก็อย่าไปเปิดตำนาน "ชั้นรักผัวเค้า" หรือ “ชั้นรักเมียเค้า” เลย เรื่องผิดศีลธรรมน่ะอย่าไปทำเชียว ไว้รอเจอใครสักคนที่โสดแต๊ๆ (โสดแท้ๆ) หรือไร้พันธะผูกพันทางใจ และทางกายกับแฟนคนเก่าของเค้าแล้ว ค่อยซิวมาเป็นแฟนกันดีกว่าเนอะ ทีนี้ล่ะจะสวีตหวานกันแค่ไหนก็สามารถทำได้ โดยไม่ต้องเกรงใจผู้ใดในหล้าโลกนี้ ไชโย สัปดาห์นี้ก็แม่นแล้วจ้ะ ว่าอยากฝอย เรื่องสัญญาณที่บอกว่าเค้าเลิฟยู และมีใจให้คุณอย่างยิ่งยวด แต่แทนที่จะบอกตรงๆว่าชอบคุณ...ก็ไม่หรอก แหมเขินจะตาย งั้นขอบอกในรูปสัญญาณเลิฟง่ายๆดังต่อไปนี้ละกัน อ้อ ขออุบอิบบอกกติกาก่อนว่า เค้าคนนี้จะเป็นหญิงหรือชายหรือเกย์ก็ได้นะ เพราะเวทีนี้เปิดกว้างให้กับผู้มีใจรักทุกคนฮ่ะ เอาละวา สัญญาณแรกได้แก่... 1. ให้ความสำคัญกับคุณในระดับเอลิสต์ เชียวนะเฟ้ย ไม่ใช่ให้ความสำคัญกับคุณแค่ในระดับบ๊วยลิสต์ เมื่อเค้าให้ความสำคัญอย่างที่สุดกับคุณถึงเพียงนี้ แล้วยังกังขาอีกหรือจ๊ะว่าเค้าคิดกะคุณยังไงกันแน่? แหม...ก็จะคิดไงล่ะในเมื่อมีแต่รักรักรัก รักรักเธอเท่านั้น คิดดู ถ้าเค้าไปตัดผมมา ก็อยากบอกคุณเป็นคนแรก, ถ้าวันไหนเค้าเจอเรื่องที่ทำให้มีสุขหรือทุกข์ใจ ก็เก็บมาเล่าให้คุณฟังอีก ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นต้องเล่าให้ฟังซะหน่อย ที่สำคัญ หากวันไหนตรงกับวันเกิดของคุณ วันนั้นเค้าจะทำตัวว่างเป็นพิเศษ เพื่อหวังพาคุณไปฉลองสองต่อสองอ่ะดี้ โอ้ช่างน่ารักซะจริงๆ ขอแฟนแบบนี้คนดิ่! 2. มาหาทันทีที่ว่าง หรือถ้าคุณอยากให้ เค้ามาอยู่ใกล้ๆ ก็จะไปไม่เกี่ยงงอน ขนาดไม่มีรถขับเอง ก็จะเพียรพยายามหาวิธีไหนก็ตาม ไม่ว่าจะนั่งแท็กซี่, แย่งคิวมอเตอร์ไซค์ หรือนั่งรถตู้, รถสองแถว เพื่อมุ่งไปหา "คนที่เค้ามีใจ" ก่อนใครเพื่อน ซึ่งว่าตามตรง บางทีเค้าก็ไม่รู้หรอกว่าคุณอยากเจอเค้าไหม? หวังว่าใจของเค้าคงไม่เก้อ เลิฟยูข้างเดียวนะ 3. อยากพาคุณไปหาครอบครัวและเพื่อนสนิทของเค้า อ่ะจะไม่ให้อยากทำอย่างนี้ได้ไง ในเมื่อเค้าภูมิใจที่มีคุณเป็นแฟนน่ะซี เค้าจึงไม่อยากเก็บเรื่องเกี่ยวกับคุณไว้เป็นความลับของเค้าเพียงลำพัง แต่อยากพาคุณไปโชว์ให้พ่อแม่, พี่น้อง และเพื่อนที่สนิทจริงๆ ได้รู้จักกันไว้ แต่คงไม่ถึงกับต้องประกาศให้ทั้งโลกรู้หรอกนะ เพราะ ก. คนทั้งโลกก็ไม่อยากรู้หรอกว่า แฟนของเค้าเป็นใคร? จริงปะ ยิ่งถ้าเค้าไม่ใช่ดารา, นาง-นายแบบ หรือนักร้อง, นักกีฬาชื่อดัง ก็ไม่ต้องทำอะไรให้เว่อร์เกินไปหรอก และ ข. เรื่องความรัก สำหรับบางคู่ถือเป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องของคนสองคนที่จะเข้าใจกันหรือจะตบตีกันก็แล้วแต่ ว่าฝ่ายไหนจะทนรับกันได้แค่ไหนนะซี 4. มักตามใจคนเลิฟ ไม่ใช่เอาแต่ใจตัวเค้าเอง แหม ข้อนี้อยากฝอยมากเลยฮ้า เอ้าหากรักกันจริง "คนมีความเลิฟ" ส่วนใหญ่ก็มักตามใจแฟนทั้งนั้น บางครั้งอาจตามใจในสิ่งที่ไม่มีเหตุผล หรือตามใจในสิ่งที่หน่อมแน้มซะด้วยซ้ำ เพราะงี้ ถ้าใครบอกรักคุณ ทว่าโคตรเอาแต่ใจตัวเค้าเองเลย หยั่งงี้ก็ประหลาดว่ะ เอ๊ะมันรักคุณหรือว่ารักตัวเองกันแน่ฟะ เอ้าหาคนที่แยกแยะเรื่องพวกนี้ให้ได้ละกัน แต่พูดก็พูด เรามักเจอคนแบบนี้มากกว่าคือ ตอนแรกก็ตามใจแฟนดีหรอก แต่นานๆเข้า รักชักสนิมเกาะ ดังนั้น จากเคยตามใจ เลยกลายเป็นมึงอยากทำอะไรก็ทำไป อ้าว...ไหงเป็นงี้ไปได้เนี่ย 5. อยากวางแผนชีวิตคู่ร่วมกะคนที่เค้าเลิฟ ไม่งั้นจะให้คิดสะระตะวางแผนชีวิตนี้กะใครล่ะ เมื่อมีความรักก็มักอยากพูดคุย, อยากฟังความคิดเห็น และอยากใช้เวลาที่เค้าเหลืออยู่ในชีวิตนี้ร่วมกะ "คนที่ใช่" มากกว่า ขอเพียงเจอ "คนที่มาร่วมกันฝันค้าง" เอ๊ย ช่วยกันปั้นฝันให้เป็นจริงก่อนเหอะว้า แล้วรับรองอนาคตของคู่รักคู่นี้แจ่มแจ๋วแน่นอน แต่การวางแผนชีวิตคู่ก็ต้องดูเหมือนกันนะว่า แฟนของคุณเค้ารับกะแผนในระยะสั้น, ปานกลาง หรือยาวนานได้แค่ไหน? ดังนั้น ก่อนทำอะไรก็ควรค่อยๆ ทำ ค่อยๆ ปรึกษาหารือ อย่าบุ่มบ่ามขีดเส้นให้แฟนเดินตามกรอบที่คุณเขียนไว้ ไม่งั้นคงอึดอัดน่าดู 6. ขยันส่งความรักหากัน เดี๋ยวก็ส่ง sms มา และหรือไม่ก็โทรศัพท์วันละหลายหน เพราะนี่ไงล่ะฮ้าที่เค้าเรียกว่า "รัก"

บทเรียนรัก

บทเรียนรัก...ที่คุณอาจไม่คาดคิด (Lisa) การแต่งงานที่เกิดจากการถูกจับคู่อาจฟังดูไม่โรแมนติกเอาเสียเลย แต่ผู้หญิงที่เลือกแต่งงานแบบนี้อาจสามารถสอนเราได้บางอย่างในการมีความสุขกับชีวิตคู่ เพราะผู้หญิงเหล่านี้มีความคิดในเรื่องความรักและความโรแมนติกที่เป็นจริงมากกว่า ซึ่งท่ำให้พวกเธอสามารถมีความสุขกับคนที่อยู่ด้วยได้นี่เป็นข้อมูลจาก วีว่า เซ็ธ ผู้เขียนหนังสือเรื่อง First Comes Marriage และต่อไปนี้คือบทเรียนบางอย่างที่ควรจำไว้ ค้นหาความเข้มแข็งภายในของคุณ "ผู้หญิงที่แต่งงานแบบถูกจับคู่ไม่ได้คาดหวังว่า สามีของพวกเธอจะต้องเติมเต็มความต้องการทางอารมณ์ของพวกเธอทุกอย่าง" เซ็ธให้อรรถาธิบาย พวกเธอจะมองสามีเป็นหุ้นส่วนชีวิต เป็นเพื่อน และเป็นผู้ให้การสนับสนุน แต่ไม่ใช่ผู้เดียวที่จะให้ความสุขแก่พวกเธอ ฉะนั้น แทนที่จะพึ่งพาแต่สามี ผู้หญิงเหล่านี้จะรู้จักสร้างความสุขด้วยตัวเอง และผลก็คือพวกเธอไม่ได้เก็บกักความขุ่นข้องหมองใจต่อสามีเอาไว้ ในยามที่พวกเขาไม่อาจเติมเต็มสิ่งที่เป็นไปไม่ได้แก่พวกเธอ เน้นในสิ่งที่คุณชอบในตัวของกันและกัน เพราะผู้หญิงที่แต่งงานจากการถูกจับคู่รู้ว่าพวกเธอต้องเรียนรู้ที่จะรักสามีของตัวเอง พวกเธอจึงสนใจแต่สิ่งที่ดีๆ ในตัวเขา และปล่อยวางสิ่งเล็กน้อยที่ไม่สลักสำคัญนัก แทนที่จะจมอยู่แต่กับความคิดที่ว่าทำไมเขาไม่เป็นอย่างนั้น ทำไมเขาไม่ทำอย่างนี้พวกเธอจะมองหาสิ่งที่สามีทำได้ดีและถูกต้องแทน และเมื่อเธอชื่นชมในสิ่งที่สามีทำ เขาก็จะรู้สึกแบบเดียวกันต่อเธอ ความโรแมนติกนิยามใหม่เนื่องจากการแต่งงานแบบถูกจับคู่ไม่ได้เกิดจากการเกี้ยวพาราสีและทำความรู้จักกันตามปกติ ผู้หญิงที่แต่งงานแบบนี้จึงไม่มีความคาดหวังในเรื่องการแสดงความโรแมนติกแบบดั้งเดิม (เช่น ดินเนอร์ใต้แสงเทียน) แต่พวกเธอจะให้คุณค่าแก่การแสดงความเอาใจใส่เล็กๆ น้อยๆ ที่บ่อยครั้งอาจมีความหมายได้มากกว่า

การให้ อภัย

นานมากแล้ว . . . ผู้หญิงคนหนึ่ง รับรู้ว่ามีหัวใจ เพราะเธอรู้ว่าเธอมีลมหายใจ แต่ถึงแม้เธอเป็นแค่ผู้หญิงที่ธรรมดาๆ แค่นั้น เธอก็สามารถทำเพื่อปกป้องคนๆ หนึ่งได้ มีผู้ชายสองคนมาจีบเธอ คนที่หนึ่ง . . . เธอไม่ได้คิดชอบเลยสักนิด คนที่สอง . . . คือ คนที่เธอต้องการ และก็ชอบอยู่ในใจ ชายคนที่หนึ่ง . . . ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ผู้หญิงคนนี้มาทั้งที่เขานั้นไม่มีอะไรดี เจ้าชู้ต่างจากชายคนที่สอง ที่ผู้หญิงคนนี้ก็รู้สึกว่าชอบเขาเหมือนกันเขาทั้งดีและเป็นสุภาพบุรุษ คุณรู้ไหมว่า . . . ผู้หญิงคนนี้ได้เลือกใคร?เธอเลือกชายคนที่หนึ่ง ทำให้ชายคนที่สองก็ต้องบอกลาไปด้วยความเจ็บปวด ผู้หญิงคนนี้เล่ารู้สึกอย่างไร ทำไมเลือกชายคนที่หนึ่ง ทั้งที่เธอก็มีความต้องการชายคนที่สอง เวลาผ่านไปแสนนาน . . . และก็ได้พิสูจน์หัวใจคน และต่างคนต่างมีชีวิตที่ได้ไขว่คว้าขึ้นมาใหม่ ชายคนที่หนึ่ง . . . ได้จากไปแล้ว ไปมีและใช้ชีวิตในแบบของเขา ไปอยู่ตามเวรตามกรรมของเขา ชายคนที่สอง . . . ใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่มีใครมาอยู่เคียงข้าง และแล้ววันหนึ่ง . . . ผู้หญิงคนนี้ได้มาพบกับชายคนที่สองอีกครั้งและเธอก็ได้ติดต่อกับเขา และเล่าถึงเหตุการณ์ในอดีตให้เขาฟังและทุกสิ่งที่เธอเก็บมาตลอดเวลาที่ผ่านมา . . . เมื่อก่อนนั้นฉันชอบเธอนะ เวลาที่ผ่านมาก็ยังแอบเฝ้ามองเธออยู่บ้าง เรื่องเขานั้น . . . เราจบกันหลังจากนั้นไม่เท่าไร ฉันคิดถึงเธอมาตลอด . . . วันนี้ฉันขอแค่ได้บอกว่า วันนั้นเขาได้บังคับให้ฉันคบกับเขาเพื่อที่จะแลกกับการทำร้ายตัวเธอ ฉันกลัวเธอจะไม่ปลอดภัย แล้วเขาก็ยังขู่เข็ญฉันต่างๆ นานาเพื่อให้ฉันยอมเขาทุกเรื่อง ฉันขอโทษสำหรับเรื่องวันนั้น . . . แต่เพราะว่าฉันคิดอะไรไม่ออกแล้วจริงๆ คุณรู้รึป่าวว่าคำตอบที่กลับมาของชายคนที่สองคืออะไร เขาเปิดรับเธอเข้ามาในหัวใจอีกครั้ง . . . และทำให้เธอลืมอดีตทั้งหมดและวางอนาคตไว้ที่เขาคนเดียว ด้วยการที่ขอเธอแต่งงานและมีชีวิตอยู่ร่วมกัน ทำไมเขาถึงอภัยให้เธอล่ะ เธอได้ทำร้ายหัวใจเขาไม่ใช่เหรอ ก็เพราะว่าเขารักเธอไงล่ะ เขารักจนอภัยให้เธอได้ทุกอย่าง เขาเชื่อว่าผู้หญิงคนนี้ได้ปกป้องตัวเขาไว้ และวันนี้เขานี้แหล่ะจะเป็นคนที่ปกป้องเธอตลอดไป ด้วยความรักและผูกพันโดยไม่มีอะไรมาทดแทนได้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน หัวใจเท่านั้นที่ไม่ใช่ตัวเลขและไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลา และไม่มีการทำให้สายเกินไป ไม่ว่าวันไหนถ้ามีความต้องการเราก็จะหากันจนเจอ. . . ได้พบกันจนได้ไม่ว่านานแค่ไหน

ดูแล รอบ ดวงตา

เทคนิคผ่อนคลายผิวรอบดวงตา (เดลินิวส์) ใครที่ใช้ดวงตาอย่างหนัก แล้วอยากผ่อนคลายผิวรอบดวงตา วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีเทคนิคมาบอก... เทคนิคการผ่อนคลายผิวรอบดวงตา วิธีทำง่ายๆ คือ เพียงใช้ปลายนิ้วชี้ กลาง และนาง ยืดคิ้วออกด้านข้าง 3 ครั้งใช้นิ้วกลางของทั้งสองข้างหมุนวนรอบดวงตาพร้อมๆ กัน โดยวนตามเข็มนาฬิกา ในทุกครั้งให้หยุดกดที่บริเวณหัวคิ้ว ทำแบบนี้ซ้ำทั้งหมด 6 รอบ และใช้นิ้วกลางกดจุดไล่ตั้งแต่หัวคิ้วถึงขมับ 3 รอบ กดจุดไล่ลงมาที่บริเวณใต้ตา ไล่ตั้งแต่หัวตาถึงหางตา 3 รอบ ใช้นิ้วกลางนวดที่บริเวณขมับ หมุนเป็นรูปเลขแปด ทำซ้ำทั้งหมด 6 รอบ ทำซ้ำขั้นตอนที่ 2-5 ทั้งหมด 3 รอบ นำมือทั้งสองข้างปิดที่ดวงตา ลากน้ำหนักที่ปลายนิ้วออกไปที่ด้านข้างกรอบหน้า แล้วจึงค่อยๆ ยกฝ่ามือออกจากใบหน้าเพียงเท่านี้ก็จะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้ หากต้องการความอ่อนเยาว์ของดวงตา ควรเข้ารับการตรวจตาเป็นประจำทุกๆ 2-4 ปี และทุก ๆ 1-2 ปี สำหรับผู้มีอายุ 65 ปีขึ้นไป สำหรับผู้ที่ต้องนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นประจำ เริ่มฝึกนิสัยพักสายตาโดยการมองออกไปไกลๆ ทุกๆ 10-15 นาที สวมใส่แว่นตาดำที่ปกป้องและกรองแสงยูวีทุกๆ ครั้งที่ทำกิจกรรมกลางแจ้ง ปกป้องและระวังไม่ให้ดวงตาสัมผัสควัน และฝุ่นละอองต่างๆ โดยตรงแนะนำอีกนิดสำหรับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์รอบดวงตา การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับรอบดวงตา ควรเลือก ครีมที่ใช้สำหรับรอบดวงตาโดยเฉพาะ ห้ามนำครีมทาหน้ามาใช้ปะปนกัน ไม่เช่นนั้นอาจก่อให้เกิดอาการอักเสบบวมได้ เนื่องจากเนื้อครีมที่ข้นเกินไปอาจซึมลงไปอุดตันท่อน้ำตาได้ ควรเลือกซื้อครีมที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ เพื่อความอ่อนโยนต่อผิวที่บอบบางที่สุด และสำหรับกลุ่มวัยรุ่น หรือผู้ที่มีผิวมัน ให้มองหาผลิตภัณฑ์ประเภทเจลเพิ่มความสดชื่นจะเหมาะที่สุด แต่ไม่ว่าเป็นครีมชนิดใดก็ตามควรมีกันแดดผสม สำหรับวิธีใช้ ให้ทารอบดวงตาด้วยนิ้วนาง (เพราะแรงกดน้อยที่สุด) ทาวนจากหัวตาด้านล่างวนขึ้นสู่หัวตาด้านบน จะช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น และลดริ้วรอยที่จะเกิดในอนาคตได้อีกด้วย อ่านแล้วอย่าลืมหันมาดูแลรักษาดวงตาของเรากันดีกว่า เพื่อสุขภาพตาที่ดี

วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ทายนิสัย ตอน เมา

พูดมาก สำหรับคนที่เมื่อเมาเหล้านั้นจะกลายเป็นคนที่พูดมากขึ้น พูดเก่งขึ้นกว่าปกตินั้น แสดงถึงนิสัยของการเป็นคนร่าเริง รักความสนุกสนานมองโลกในแง่ดี ชอบชีวิตที่หรูหรา ฟู่ฟ่า และการอยู่ในวงล้อมของมิตรสหาย แต่ในขณะเดียวกันนั้น ก็จะเป็นคนที่เชื่อมั่นในความสามารถตนเอง เย่อหยิ่ง ดูถูกคน ชอบมองว่าคนอื่นโง่ คิดว่าตัวเองฉลาดเสียเต็มประดา คนจึงเกลียดมากพอๆ กับคนที่รักใคร่ชอบพอ เงียบขรึม หรือไม่มีสติ คนที่แปรเปลี่ยนกลายเป็นคนที่เงียบขรึม หรือไม่มีสติ หลังจากที่ดื่มน้ำเปลี่ยนนิสัยเข้าไปนั้น เป็นลักษณะนิสัยคนที่ช่างคิดและคิดมากจนเกือบจะเป็นคนหมกมุ่นเลยทีเดียว แล้วก็จะสนิทกับคนยาก และหากถูกกดดันมากๆ จะชอบหนีไปอยู่ในโลกส่วนตัวที่ตนสร้างขึ้นมาและไม่ชอบให้ใครเข้าไปข้องเกี่ยว ลึกๆ แล้วเป็นคนขี้เหงา ว้าเหว่ แต่ไม่ชอบแสดงความรู้สึกอ่อนแอของตนออกมาให้คนอื่นเห็น เจ้าชู้เงียบๆ ไม่ชอบให้ใครมาผูกมัด ร้องไห้คร่ำครวญ พื้นฐานนิสัยจริงๆ นั้น เป็นคนอ่อนแอจิตใจอ่อนไหว ขี้ใจน้อย สะเทือนใจง่าย แต่จะไม่ใช่คนที่แสดงออก จึงมีกเก็บทุกสิ่งเอาไว้เงียบๆ คนเดียว น้อยคนนักที่จะรู้จักจริงๆ ลึกๆ แล้วเป็นคนที่ต้องการให้คนอื่นสนใจตนเองต้องการให้คนมารักใคร่ห่วงใย บางครั้งจึงเหมือนคนเจ้าชู้ คบหาคนไปเรื่อยๆ เล่นๆ ไปวันๆ แต่จริงๆ แล้วแสวงหารักแท้ ทะลึ่งทะเล้น คนที่เมื่อดื่มเหล้าเข้าไปแล้วจะมีอาการทะลึ่งทะเล้นจนเห็นได้ชัดนั้น แสดงถึงนิสัยที่เปิดเผย รักสนุก โดยเฉพาะในเรื่องรักๆ ใคร่ๆ จะให้ความสนใจเป็นพิเศษและมีพลังทางด้านนี้สูง ไม่มีความเขินอายเกี่ยวกับเรื่องเซ็กส์ แล้วก็ยังสนใจศาสตร์ที่เกี่ยวกับเรื่องเพศสัมพันธ์ด้วย แต่ในขณะเดียวกันก็จะเป็นคนที่รักอิสระไม่ชอบให้ใครมาผูกมัดหรือครอบครองตนเพราะเป็นคนจะเบื่อง่าย และไม่ชอบการที่จะต้องอยู่ในระเบียบหรือกฏเกณฑ์ของใคร หน้าแดง คนที่เวลาเมาเหล้าแล้วมักหน้าแดงนี้เป็นคนที่เก็บความรู้สึกไม่เป็น หรือไม่อาจเก็บรักษาความลับอะไรได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ใช่คนที่เปิดเผยอีกเหมือนกันแต่ก็จะเฉพาะกับเรื่องราวของตัวเองเท่านั้น เป็นคนที่มักมีปัญหาเรื่องสุขภาพ จึงค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องการดูแลตนเองมาก มักจะมีความวิตกกังวลสูงกับเรื่องความเจ็บป่วย ชอบแสวงหาความมั่นคงในทุกรูปแบบให้กับชีวิตของตน โวยวายหาเรื่อง คนที่ชอบโวยวายหาเรื่องคนอื่นเมื่อเหล้าเข้าปากนั้นแสดงถึงนิสัยที่เป็นคนอารมณ์รุนแรง เปลี่ยนแปลงง่าย ประเดี๋ยวดีแต่อีกเดี๋ยวเดียวก็โมโหโกรธาเสียแล้ว จะเป็นคนโกรธง่ายหายเร็วเหมือนกัน ใจคอกว้างขวาง ชอบมีเพื่อนฝูงเยอะๆ เป็นคนเถรตรง พูดจาไม่ค่อยถูกหูคนนัก คิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น ไม่ชอบงานที่มีพิธีการมากมาย

ฉลอง 9 ปี

จีนี่" ฉลอง9ปีคัดเพลง "หัวกะทิ" กลายเป็นไม้ใหญ่ยืนต้นไปแล้วสำหรับค่ายเพลง “จีนี่เรคคอร์ด” เพราะ ถึงวันนี้มีอายุครบ 9 ปีแล้วจึงจัดฉลองด้วยการรวบรวมผลงานเพลงที่สร้างชื่อให้จีนี่ฯ เป็นที่ยอมรับของผู้ฟังมาตลอด9 ปีเต็ม โดยนำ 2 แนวทางดนตรี 2 อัลบั้มที่คัดเฉพาะเพลงหัวกะทิ ทั้งในแบบคนรุ่นใหม่และบทเพลงที่คนฟังทั่วไปชื่นชอบโดยอัลบั้มแรก genie 9 year “The Number 1 Hitz” รวบรวมเพลงฮิตอันดับหนึ่ง 16 เพลงอาทิ “ใจเอย, ถอนตัว, ใช่เลย, พรุ่งนี้, ขอให้เหมือนเดิม, คนของเธอ ฯลฯ” เป็นต้น ส่วนอัลบั้มสอง genie 9 year “The Independent Hitz” ที่คัด 16 เพลง ชั้นเยี่ยมที่เป็นกระแสใหม่ไร้กรอบอาทิ “เรื่องมหัศจรรย์, ถามหน่อย, ฤดูที่ไม่ เปลี่ยน, ไม่เสียใจที่รักเธอ, ลามปาม ฯลฯ” ซึ่งทั้งสองอัลบั้มฉลอง 9 ปีจีนี่ฯ นี้เตรียมวางแผงให้ฟังกัน 18 ก.ค. นี้แน่นอน

ศุกร์ 13

ศุกร์ 13 วันอาถรรพ์ ความเชื่อ หรือ ความจริง??? (มติชนรายวัน) "ศุกร์นี้ เดือนกุมภาพันธ์ เป็น ศุกร์ 13" ตัวเลข 1 กับ 3 บนปฏิทินยืนยันให้เห็นเป็นประจักษ์พยาน หลายคนเริ่มรู้สึกและตั้งคำถาม "จะมีเหตุร้ายอะไรเกิดขึ้นไหมนะ?" หลายเสียงตอบคำถามแตกต่างกันไป บ้างว่า..ต้องระวังของอย่างนี้มันมีอาถรรพ์ บ้างว่า..ล้าสมัยไม่มีใครเขาคิดอย่างนี้กันแล้ว ...คำตอบจะเป็นอย่างไร มิอาจตัดสิน เพราะเป็นเรื่องความเชื่อส่วนบุคคล แต่ถ้าหากถามว่า "ศุกร์ 13 เป็นวันอาถรรพ์จริงหรือ?" ก็คงตอบชัดเจนไม่ได้ นอกจากจะมีเรื่องราวมาเล่าให้ฟัง... เริ่มจากความเชื่อของฝรั่งตาสีฟ้าทั้งหลาย โดยเฉพาะนิกายคาทอลิกที่เห็นว่า "เลข 13" เป็นเลขโชคร้าย ไม่ดีถ้าเป็นฤกษ์ยามจะทำกิจการต่างๆ ก็นับเป็นฤกษ์ยามที่ไม่ดีเอาเสียเลย ฝรั่งถือว่าเลข 13 เป็นเลขอับโชค ยิ่งเป็น "ศุกร์ 13" ด้วยแล้วยิ่งมหาอับโชค (ฝรั่ง) หลายๆ คน จึงไม่ยอมออกจากบ้านไปไหน เพราะเกรงว่าจะประสบกับความโชคร้าย เช่น เกิดอุบัติเหตุ หรือมีอันเป็นไปต่างๆ นานา เป็นต้น แม้จะมีการแก้เคล็ดด้วยการเรียกเลข 13 เป็น "ลัคกี้นัมเบอร์" แต่ก็มิได้ทำให้ภาพลักษณ์ของเลข 13 ของฝรั่งดูดีมีโชคขึ้น ยังคงสร้างความหวาดหวั่นให้กับผู้คนที่เชื่อเรื่องโชคลาง ความน่ากลัวของ "ศุกร์ 13" มาเพิ่มขีดมากขึ้นเมื่อมีภาพยนตร์เรื่อง "ศุกร์ 13 ฝันหวาน" ออกมาหลอกหลอนผู้คน ไม่ว่าจะทำภาคไหนออกมาก็ยังคงขายดิบขายดีขายได้ ความเชื่อเรื่องเลข 13 เริ่มแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วข้ามน้ำข้ามทะเลมาฝั่งเอเชีย และเอเชียอาคเนย์ ด้วยเหตุเพราะกระแสแห่งโลกาภิวัตน์ ส่งผลให้บางคนบางพวกในเมืองไทยพลอยเชื่อเรื่อง อาถรรพ์เลข 13 ไปด้วย ฉะนั้น บรรดาอาคารสำนักงานและโรงแรมจำนวนมากที่ก่อสร้างเป็นอาคารสูง และมีจำนวนชั้นมากกว่า 12 ชั้นขึ้นไปจะไม่มีชั้น 13 เป็นการเว้นไว้และเรียกชื่ออื่นแทน เช่น อาคารเอ็มบีเค ทาวเวอร์ ที่ก่อสร้างขึ้นเมื่อ 26 ปีก่อน เป็นอาคารสำนักงานสูง 20 ชั้น แต่ไม่มีชั้นที่ 13 โดยผู้สร้างเปลี่ยนเป็นเรียกชั้น 12 A แทนเช่นเดียวกับโรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส ที่เป็นอาคารสูง 29 ชั้นก็ไม่มีชั้น 13 โดยมีชั้น 12 แล้วเป็น ชั้น 14 เลย เว้นเลข 13 ไว้ เหตุผลประการหนึ่งเพราะโรงแรมต้องรองรับลูกค้าซึ่งส่วนมากเป็นลูกค้าต่างประเทศ โดยเฉพาะฝรั่ง ตำนานของอาถรรพ์เลข 13 นั้น เชื่อกันว่า อาถรรพ์เลข 13 มีความเชื่อมโยงกับ "เดอะ ลาสต์ ซัพเปอร์" เรื่องราวในคัมภีร์ไบเบิลที่มีคน 13 คนร่วมรับประทานอาหารมื้อสุดท้ายกับพระเยซู ก่อนที่พระองค์จะถูกนำตัวไปตรึงบนไม้กางเขนในวันรุ่งขึ้น ซึ่งเป็น "วันศุกร์" แต่ก็มีอีกหลายตำรา บ้างก็ว่ามาจากความเชื่อและตำนานของ "ชาวนอร์ส" ในดินแดนสแกนดิเนเวียที่เกี่ยวกับ "เทพ 12 องค์" มารวมกันจัดงานเลี้ยงในห้องโถงของเอกีร์ เทพแห่งมหาสมุทร แล้วเทพแห่งไฟที่ชื่อ "โลกิ" ซึ่งไม่ได้รับเชิญมาร่วมงานจึงพังประตูรั้วเข้ามาร่วมงานในฐานะแขกคนที่ 13 และให้ "เทพฮอด" ซึ่งเป็นเทพแห่งความมืดมิดเพราะตาบอด โยนกิ่งของพืชกาฝากใส่ "บาลเดอร์" เทพแห่งความสุขและความยินดี จนบาลเดอร์สิ้นลมหายใจไปในทันที ทำให้โลกต้องตกอยู่ในความมืดมิดและความเศร้าสลด นิทานของชาวสแกนดิเนเวียยังมีเวอร์ชั่นอื่นอีก รวมถึงมีผู้แย้งว่าในบทกวีของโลกาเซนนา ที่เป็นภาษานอร์สโบราณได้กล่าวถึงชื่อของเทพทั้ง 17 องค์ที่ไปร่วมในงานเลี้ยง โดยเหตุการณ์ครั้งนั้นเทพโลกิเป็นผู้พังประตูรั้วเข้าไปจริง แต่กลับไม่ใช่คนที่ 13 และก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับจุดจบของเทพบาลเดอร์อีกด้วย เพราะฉะนั้น ความเชื่อที่เก่าแก่ว่าด้วยอาถรรพ์เลข 13 จึงนิยมที่จะอ้างอิงเรื่องของเดอะ ลาสต์ ซัพเปอร์ มากที่สุด กระทั่งมีการบันทึกไว้เมื่อศตวรรษที่ 18 ว่า.. เชื่อกันว่าเมื่อใดก็ตามที่มีคน 13 คนมานั่งร่วมรับประทานอาหารในโต๊ะเดียวกัน คนที่ลุกจากโต๊ะไปเป็นคนแรกจะเป็นคนแรกที่ต้องตาย สำหรับเหตุผลที่เจาะจงว่าจะต้องเป็น "วันศุกร์" นั้น นอกจากกรณีที่ว่าพระเยซูถูกนำไปตรึงกางเขนในวันศุกร์แล้ว ในตำราของฝรั่งยังว่า "วันศุกร์" เป็นวันที่ใช้ประหารนักโทษ ทั้งยังถือว่าเป็นวัน "ทิป ทอด เดย์" (Tip Tod Day) หมายความว่าเป็น "วันปีศาจ" ชาวประมงในสมัยก่อนจึงไม่ออกทะเลในวันศุกร์ ความเชื่อแต่โบร่ำโบราณของฝรั่งยังห้าม "ไม่ให้ตัดเล็บในวันศุกร์" เพราะแม่มดจะมาขโมยเล็บเอาไปเสกให้เจ้าของเล็บกลายเป็นแม่มด รวมทั้งเชื่อว่าเมื่อครั้งที่พระเจ้าสร้างโลกขึ้นมาใหม่ๆ วันที่อีฟและอดัมละเมิดคำสั่งพระเจ้า กัดกินผลไม้ต้องห้ามในสวนอีเดนนั้นเป็น "วันศุกร์" และวันที่ทั้งสองถูกพระเจ้าลงโทษให้ลงมาชดใช้โทษที่โลกมนุษย์ก็เป็น "วันศุกร์" อีกเช่นกัน เหตุฉะนี้เมื่อ "ศุกร์ 13" มาเยือน (ฝรั่ง) หลายๆ คนจึงปริวิตกหวาดผวาจนขึ้นสมอง กลายเป็น "โรคกลัววันศุกร์ที่ 13" ซึ่งมีชื่อเรียกยาวๆ ว่า "พาราสเคฟดิคาเทรียโฟเบีย" (paraskevidekatriaphobia) หรือโรค "ฟริกกาทริสไคเดคาโฟเบีย" (friggatriskaidekaphobia) มีการศึกษาประเมินกันว่า คนอเมริกันเป็นโรคพาราสเคฟดิคาเทรียโฟเบีย ถึง 21 ล้านคน หรือประมาณ 8% ของอเมริกันชนที่ยังอยู่ในความเชื่อเรื่องนี้ อย่าหัวเราะเยาะว่า โรคกลัววันศุกร์ที่ 13 เป็นเรื่องเล่นๆ เพราะมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ อย่างแน่นอน เรื่องนี้มีสถิติเกิดขึ้นแล้ว ที่ศูนย์จัดการความเครียดและสถาบันบำบัดอาการกลัวในเมืองแอชวิลล์ มลรัฐนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐอเริกา ประเมินว่า.. ในแต่ละครั้งที่มีวันศุกร์ที่ 13 สหรัฐ อเมริกาต้องสูญเสียทางเศรษฐกิจเป็นเงินถึง 800-900 ล้านเหรียญสหรัฐ ทีเดียว เพราะว่าประชาชนบางคนไม่กล้าเดินทางไปไหนและไม่กล้าแม้แต่จะไปทำงาน และเมื่อเปิดดูสถิติอุบัติเหตุในเรื่องจาก "ศุกร์ 13" ยิ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลก เมื่อผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ใน บริติช เมดิคัล เจอร์นัล เมื่อปี ค.ศ.1993 เรื่อง "Is Friday the 13th Bad for Your Health?" ศึกษาความเกี่ยวเนื่องกันระหว่างความเชื่อเรื่องศุกร์ 13 กับพฤติกรรมและสุขภาพ โดยเปรียบเทียบวันศุกร์ที่ 6 กับวันศุกร์ที่ 13 พบว่า อัตราการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ในวันศุกร์ที่ 13 มีมากกว่าวันศุกร์ที่ 6 อย่างเห็นได้ชัด และในขณะที่น้อยคนเลือกที่จะขับรถออกจากบ้านในวันศุกร์ 13 แต่ตัวเลขคนที่ประสบอุบัติเหตุกลับมากกว่าวันศุกร์อื่นๆ ถึง 52% กลับมาที่ประเทศไทย เรื่องของ "ศุกร์ 13" จะเป็นอาถรรพ์แบบฝรั่งหรือไม่ คงต้องใช้วิจารณญาณในการพิจารณาของแต่ละบุคคล อาจมีบางคนเชื่อ บางคนไม่เชื่อ เหมือนกับเรื่องของโชคลางอื่นๆ เรื่องของโชคชะตา เรื่องของดวง ฮวงจุ้ย ว่าแต่ว่า.. ศุกร์นี้ 13 กุมภา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนเดินทางออกจากบ้าน!!!

รัก จ้า

ความรัก . . . ไม่ต้องการแค่วันเดียว ความรัก . . . ไม่ต้องเกี่ยวกับวันไหน ความรัก . . . ไม่ต้องมีเวลาใด ความรัก . . . ไม่ต้องใช้ให้ใครชี้ ความรัก . . . ไม่ต้องมีข้อวิจารณ์ ความรัก . . . ไม่ต้องการ การกดขี่ ความรัก . . . ไม่ต้องให้ใครตราตี ความรัก . . . ไม่ต้องมีเส้นพรมแดน ความรัก . . . ไม่ต้องรอข้อพิสูจน์ ความรัก . . . ไม่ต้องพูดตามแบบแผน ความรัก . . . ไม่ต้องการ การตอบแทน ความรัก . . . ไม่ต้องแค่นหัวใจคน ความรัก . . . ไม่ต้องการ การเป็นต่อ ความรัก . . . ไม่ต้องรอขอเหตุผล ความรัก . . . ไม่ต้องย้ำความมีจน ความรัก . . . ไม่ต้องทน ที่จะรัก

หรือ จะ ไหห้ รอ ทั้ง ชีวิต

คุณเคยอยากรู้ไหมว่า . . . เราเกิดมาเพื่ออะไรฉันอยากรู้และอยากถามบางทีคนบนฟ้า อยากให้เรามีความสุขแต่ก็มักจะทดสอบเรา ด้วยความทุกข์บางทีหากเราอธิษฐานว่า. . . อยากเจอคนดีๆ คนบนฟ้าจะส่งมาให้เราทดสอบเองว่า ดีพอสำหรับเราหรือไม่บางทีหากเราอธิษฐานว่า อยากได้ความอบอุ่นและความสุขคนบนฟ้า จะส่งอุปสรรคมาให้เราแก้ปัญหาร่วมกัน และจะได้อย่างที่เราขอพร ใช่เราอธิษฐานขอคนบนฟ้า อยากเจอคนที่ใช่คนบนฟ้าส่งมาหลายคนแล้ว ให้เราทดสอบเองเราตัดสินใจและเลือก แต่ผลออกมาไม่ใช่อย่างที่คิดคนบนฟ้าให้มาพร้อมกับบทลงโทษ หากเลือกผิด เราเกือบทำลายชีวิตและอนาคต ของคน คนหนึ่ง เพราะเราเลือกเค้า แต่เค้าไม่ได้เลือกเรา คนบนฟ้า ยังใจดีไม่ลงโทษ แค่ทดสอบเราสองคนเราก็ต้องปล่อยเค้าไป ให้เค้ามีอนาคต เราเชื่อว่าเค้าจะเข้าใจบางครั้ง. . . อยากถามคนบนฟ้า ให้พรมาโดยไม่มีอุปสรรคได้ไหมอยากถามคนบนฟ้าว่า. . . จะทดสอบไปถึงไหนอยากถามคนบนฟ้าว่า. . . ยังอยากให้เรามีชีวิตอยู่ต่อไหมอยากถามคนบนฟ้าว่า. . . ให้เรารอใครคนบนฟ้าจะให้เรารอทั้งชีวิตเลยไหมหากพบแล้วใช่ คนบนฟ้าจะทดสอบอะไรแล้วบททดสอบของคนบนฟ้ามีเยอะไหมสุดท้าย. . . ต้องขอบคุณคนบนฟ้า ที่ยังให้โอกาสขอบคุณ. . . คนบนฟ้าที่ยังไม่ลงโทษขอบคุณ. . . ที่คนบนฟ้าให้เวลาได้นั่งคิดหลายวันขอบคุณที่คนบนฟ้า ให้เค้าบอกเราว่าทุกข์ใจ หนักใจ เครียด. . . แค่ไหนสุดท้ายจริงๆ อยากให้คนบนฟ้าบอกว่า สิ่งที่เราตัดสินใจคือสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว และอยากให้คนบนฟ้าให้อภัยและคุ้มครองฉัน และเค้าคนนั้นตลอดไป. . .

วันจันทร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ความรู้สึกนี้ ใช่ หรือ แอบรัก

การที่เรารู้สึก อยากจะให้ใครคนหนึ่งมีความสุขได้เห็นรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะของเค้ารู้สึกดีใจ เมื่อเค้าประสบความสำเร็จรู้สึกเสียใจและเป็นทุกข์ เมื่อเค้าเศร้าโศกอยากจะทำทุกอย่าง เพื่อให้เค้าได้รู้สึกดีขึ้นถึงแม้ว่า . . . สิ่งนั้นจะทำให้เราเจ็บก็ตามบางครั้งก็รู้สึกเจ็บ กับการแสดงออกที่เค้าทำกับเราเหมือนกับว่า . . . ไม่แคร์ความรู้สึกของเรามองข้ามเราไป เป็นคนที่เท่าไหร่ในใจของเขาก็ไม่รู้ทั้งที่รู้สึกเจ็บ . . . แต่พอเวลาผ่านไปสักพักความรู้สึกที่เคยโกรธเค้ากลับกลายเป็นเฉยๆให้อภัยเค้าได้ทุกครั้ง ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่จะโกรธเค้าได้นานสักที ยอมทุกอย่างถึงแม้ว่า . . .เค้าจะไม่เห็นคุณค่าของเราเลยก็ตาม ยอมทั้งที่รู้ว่า . . . เค้าหลอกใช้ ยอมทั้งที่รู้ว่า . . . เค้าไม่เคยมีใจให้เราเลยยอมทั้งที่รู้ว่า . . . เค้ารักเพื่อนของเรา ไม่ได้รักเราเลยแบบนี้ใช่เราแอบรักเขาหรือเปล่านะ

ลองใช้ใจมองเพื่อน

คุณเชื่อในพรหมลิขิตไหม ? ถ้าไม่ . . . แล้วอะไรล่ะ ที่ทำให้เรามาพบกับคนหลายคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ถ้าไม่ . . . แล้วอะไรล่ะ ที่ทำให้เราถูกชะตาจนเรียกคนๆ นั้นว่า "เพื่อน" เพื่อน . . . คนที่ครั้งหนึ่งก็เป็นได้แค่คนแปลกหน้า เวลาผ่าน เวลา คนแปลกหน้าคนนั้นก็กลับกลายมาเป็นคนที่เรา "ไว้ใจ" เพื่อน . . . คนที่พร้อมอยู่กับเราเสมอๆ ไม่ว่า สุข ทุกข์ เหงา เศร้า เพื่อน . . . คนที่พร้อมแชร์ความรู้สึกต่างๆโดยไม่เคยเอ่ยปากว่า "ถ้าทำอย่างนั้นแล้วฉันจะได้อะไร" เพื่อน . . . คนที่ไม่เคยสนใจว่าเราจะหน้าตาดี มีสกุล ร่ำรวย ยากจน สูง ต่ำ ดำ ขาว หรือไม่ เพื่อน . . . คนที่ไม่เคยเสแสร้ง แกล้งทำ แต่ . . . เพื่อนตายหายากเหลือเกิน เรามองด้วยตาเปล่าไม่ได้ว่า . . . คนๆ นี้เป็นเพื่อนตายของเราหรือไม่ เรามองด้วยตาเปล่าไม่ได้ว่า . . . คนๆ นี้ เป็นคนที่พร้อมจะเคียงข้างเราเสมอไปไหม เรามองด้วยตาเปล่าไม่ได้ว่า . . . คนๆ นี้จริงใจกับเราแค่ไหน ทั้งหมดนี้ เราใช้ "ตา" มองไม่เห็น แต่ทั้งหมดนี้เราใช้ "ใจ" มองเห็นได้ เมื่อบทความ ล่วงเลยมาถึงตอนนี้ คุณล่ะ? ใช้ "ตา" มองเพื่อน หรือใช้ "ใจ" มองเพื่อน เราบอกไม่ได้ว่าคนๆ ไหนดี ไม่ดี จนกว่าเราจะมีโอกาส รู้จักกับคนๆ นั้น แล้วใช้ใจของเราสัมผัส . . . การคบใครสักคน คบเพียงกายก็ไร้ประโยชน์ แต่การคบใครสักคน จำเป็นต้องคบกันด้วย "ใจ" วันนี้ . . . คุณใช้อะไร คบเพื่อนของคุณ อย่าบอกนะว่า . . . คุณก็เป็นคนที่คบเพื่อนแค่ "ตา" เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น คุณก็คงเป็นคนที่ไม่น่าคบคนหนึ่ง อย่าลืมบอกรัก "เพื่อน" หรือมองเพื่อนด้วยใจ . . . ด้วยความรักนะคะ แล้วคุณจะเจอเพื่อนแท้ และรักคุณ

แก้ปัญาฃหา อารมณ์

ปริศนาที่ 1 : อาหารการกินมีส่วนด้วย ระดับของอารมณ์นั้นเป็นเรื่องของเคมีด้วย ซึ่งเป็นเรื่องของกายภาพนั่นเอง สังเกตง่ายๆ ว่าถ้าวันไหนที่เราทานน้อยเกินไป ทานมากเกินไป หรือเจ็บไข้ได้ป่วย อารมณ์เราก็จะเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าหงุดหงิดง่ายหรือรู้สึกซึมเศร้า รู้อย่างนี้แล้วเรามาควบคุมเรื่องการกินด้วยจะเป็นการดี เพราะอาหารที่ดีมีคุณภาพส่งผลต่อปฏิกิริยาเคมีในร่างกาย และทำให้เรามีอารมณ์ดีๆ ตามไปได้ด้วยอย่างไม่น่าเชื่อปริศนาที่ 2 : อารมณ์ควบคุมได้ง่ายมาก อารมณ์ลบๆ นั้นปลุกปั้นได้ง่ายมาก แต่ก็ยังสงบลงได้ง่ายด้วยความลับของมัน ก็คือความคิดของเรานี่เองที่สามารถเนรมิตได้ทุกอย่างได้ภายในพริบตา เช่น การที่เรานึกถึงสิ่งแย่ๆ เราก็จะเกิดอารมณ์ด้านลบขึ้นมาทันที แต่เมื่อความคิดเราบอกว่าจริงๆ แล้วเหตุการณ์อาจไม่เป็นอย่างนั้น และอะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ อารมณ์ก็สามารถลดลงมาได้ภายในเวลาที่รวดเร็ว ดังนั้น อารมณ์ไม่ได้ตั้งต้นอยู่ที่ใจ แต่อยู่ที่ความคิดของเราที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาต่างหากปริศนาที่ 3 : อารมณ์ดีได้เมื่อวางเฉย เรามักโทษไปว่าเราอารมณ์ไม่ดี เพราะมีปัญหาชีวิต ไม่ว่าจะเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว หรือเรื่องสุขภาพ แต่ความเป็นจริงแล้ว ปัญหาของอารมณ์ไม่ได้อยู่ที่ "เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น" แต่อยู่ที่การจัดการทางเคมีในสมองเราต่างหาก กล่าวคือ เมื่อเราเจอปัญหา เคมีในสมองเราจะทำงานไม่สมดุลกัน ทำให้เราคิดอะไรไม่ค่อยออก รู้สึกมืดแปดด้าน และพานให้เกิดอารมณ์ลบๆ ในที่สุด ในทางกลับกัน หากเรามองว่าปัญหาเป็นเรื่องคู่กันกับมนุษย์ และเมื่อเผชิญหน้ากับมัน เราลองวางเฉยเพื่อให้เคมีในสมองเราทำงานอย่างเป็นกลางและสมดุล การจัดการกับปัญหาต่างๆ ก็จะง่ายดายขึ้น คิดหาทางออกได้ดีขึ้นปริศนาที่ 4 : ยอมรับในอารมณ์ของเรา ถ้าเราเป็นคนอารมณ์เสียง่าย เศร้าง่าย หรือกังวลง่าย อย่าเพิ่งโทษตัวเองไปเสียก่อนว่าเหตุใดจึงไม่สามารถควบคุมได้เหมือนคนอื่นๆ เพราะจริงๆ แล้วคนเรามีระดับการจัดการทางอารมณ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับสาเหตุต่างๆ ไม่ว่าเรื่องของกรรมพันธุ์ สุขภาพ การเลี้ยงดู หรือทัศนคติการใช้ชีวิต แต่สำคัญที่ว่า เราควรยอมรับในความแตกต่างของตัวเอง และหาหนทางจัดการในวิธีที่ถูกจริตกับเรา เช่น หาทางผ่อนคลายด้วยกิจกรรมต่างๆ เช่น การนวด การฟังดนตรี การออกกำลังกาย หรือการสูดดมน้ำมันหอมระเหย เป็นต้นปริศนาที่ 5 : อารมณ์ไม่ดี มีตัวช่วย แม้อารมณ์ลบๆ จะเกิดขึ้นได้ ก็สามารถสงบลงได้เหมือนกัน ในทางตรงกันข้าม หากเรามีอารมณ์ที่เฉื่อยชา เราก็สามารถปลุกให้สดใสขึ้นได้ด้วย อย่าลืมไปว่ายุคนี้มีตัวช่วยมากมายแม้แต่เรื่องของอารมณ์ ที่สำคัญควรเป็นไปในแนวทางธรรมชาติ เพื่อความปลอดภัยและความมีคุณภาพต่อตัวเราอย่างแท้จริง หนึ่งในวิธีที่ถูกแนะนำเสมอคือ เรื่องของกลิ่นบำบัด (Aromatherapy) ที่เราสามารถเอาน้ำมันหอมระเหยที่สกัดมาจากพืชพันธุ์และสมุนไพรมาสูดดม เพราะเป็นทางลัดให้เคมีในสมองของเราทำงานสมดุล และเกิดอารมณ์ดีๆ ขึ้นได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว

กินแมงลัก หุ่นดี ขับถ่ายคล่อง

แมงลัก เป็นพืชล้มลุกในสกุลกะเพรา-โหระพา ลักษณะของต้นแมงลักจะคล้ายต้นกะเพรา ต่างกันที่กลิ่น และใบจะ มีสีเขียวอ่อนกว่า แมงลักมีชื่อเรียกตาม ท้องถิ่นว่า มังลัก (ภาคกลาง) ก้อมก้อขาว (ภาคเหนือ) ลำต้นสูงประมาณ 65 เซนติ เมตร มีกลิ่นหอมทุกส่วน ใบเป็นใบเดี่ยว รูปร่างรี ขอบใบเรียบหรือหยักมน ดอกออกช่ออยู่ปลายยอด กลีบดอกมีสีขาวและร่วงง่าย ดอกจะออกรอบก้าน ช่อดอกจะออกเรียงเป็นชั้นๆ ผลเป็นผลชนิดแห้ง ภายในมี 4 ผลย่อย เรียกว่า เม็ดแมงลัก

บริหารตา

ท่าที่ 1 กรอกลูกตามองไปทางซ้ายสุด และมองมาทางขวาสุดเท่าที่จะทำได้ ทำ 10 ครั้ง ท่าที่ 2 เหลือบลูกตาขึ้นมองเพดาน โดยวางหน้าตรงไม่แหงน และเหลือบตาลงล่างสุดมองพื้น ทำขึ้นๆลงๆ 10 ครั้ง ท่าที่ 3 เหลือบตามองขึ้นไปที่ปลายคิ้วซ้าย และลากตาเหลือบลงมาที่แก้มขวา ทำ 10 ครั้ง ท่าที่ 4 เหลือบตามองขึ้นไปที่ปลายคิ้วขวา และลากตาเหลือบลงมาที่แก้มซ้าย ท่าที่ 5 กรอกลูกตาหมุนไปเป็นวงกลมซ้าย-ขวา ทำข้างละ 10 ครั้ง ท่าที่ 6 เป็นการเพ่งลูกตาเพื่อบริหารกล้ามเนื้อทั้ง 6 มัด พร้อมกันโดยการนั่งบนเก้าอี้ วัดความสูงจากยอดศีรษะตนเองถึงก้นที่นั่ง บนเก้าอี้ เช่น วัดได้ 70 เซนติเมตร เอาความยาว 70 เซนติเมตร วัดจากลูกตาไปที่กำแพงในท่านั่งเก้าอี้แล้วจุดหรือทำสัญลักษณ์ไว้ที่กำแพง ระดับเดียวกับลูกตาในขณะที่นั่งเก้าอี้นั้น จากนั้นค่อยๆเพ่งมองจุดหรือสัญลักษณ์นั้น ห้ามกระพริบตาจนรู้สึกแสบตา น้ำตาเอ่อออกมาจึงค่อยกระพริบตา ทำหลายๆครั้ง จะรู้สึกว่าสายตามองชัดเจนขึ้น ท่าที่ 7 หลับตาทั้งสองข้าง เอานิ้วชี้ทั้งสองข้างวางเหนือหัวคิ้วแต่ละข้างแล้วค่อยๆกดนวดคิ้วและรอบดวงตา เพื่อเป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่อยู่รอบนอกของตา นอกจากลดสายตาสั้นกันสายตายาว ช่วยให้ไม่ต้องเปลี่ยนแว่นบ่อยๆแล้ว การบริหารดวงตายังช่วยลดและป้องกันอาการบกพร่องที่จอรับภาพได้อีกด้วย (อาการบกพร่องที่จอรับภาพคือรู้สึกตามีแสงแปลบปลาบหรือเห็นหิ่งห้อยวิ่งไปมา หรือเห็นเป็นแสงสว่างวงๆ วาบๆ บ่อยๆ อาการเหล่านี้หากปล่อยไว้จอรับภาพอาจพิการหรือถึงกับมองไม่เห็นได้) เพราะการบริหารลูกตาอย่างสม่ำเสมอทุกๆ วัน ช่วยให้เลือดมาเลี้ยงจอรับภาพมากขึ้น อาการบกพร่องจะน้อยลงหรืออาจหายไปได้ และสำหรับคนที่สายตาปกติดีอยู่แล้ว การบริหารนี้ก็ช่วยให้กล้ามเนื้อตาแข็งแรง และนัยน์ตาสดใสค่ะ

วันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

เหด ผล ที่ ควร เลี่ยง น้ำ ตาล

. เมื่อเรากินน้ำตาลมากเกินไป โดยเฉพาะน้ำตาลเชิงเดี่ยว (น้ำตาลทราย น้ำผึ้ง น้ำตาลในผลไม้ น้ำตาลในนม) น้ำตาลจะเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว ทำให้เลือดมีสภาวะเป็นกรดมากเกินไป ร่างกายเกิดภาวะไม่สมดุล จึงมีการดึงแร่ธาตุจากส่วนต่างๆภายในร่างกายมาแก้ไขความไม่สมดุล 2. ทำให้เกิดไขมันสะสม น้ำตาลจะถูกเก็บไว้ที่ตับในรูปของไกลโคเจน แต่ถ้ามีมากจนเกินไป ตับก็จะส่งไปยังกระแสเลือดและเปลี่ยนเป็นกรดไขมัน โดยจะสะสมไว้ในส่วนของร่างกายที่มีการเคลื่อนไหวน้อย เช่น สะโพก ก้น ขาอ่อน หน้าท้อง 3. หากยังคงรับประทานน้ำตาลอย่างต่อเนื่อง กรดไขมันจะสะสมไว้ที่อวัยวะภายในอื่นๆ เช่นหัวใจ ตับ และไต ดังนั้นอวัยวะเหล่านี้จะค่อยๆถูกห่อหุ้มด้วยไขมัน และน้ำเมือก ร่างกายจะเริ่มผิดปกติ ความดันเลือดจะสูงขึ้น 4. การรับประทานน้ำตาลมากเกินไป มีผลต่อการทำงานของสมอง ทำให้รู้สึกง่วงเหงาหาวนอน 5. อาการปวดศีรษะเรื้อรัง เป็นตะคริวเวลามีรอบเดือน เป็นสิว ผื่น แผลพุพอง ตกกระ แผลริดสีดวงทวารหนัก ไมเกรน เบาหวาน วัณโรค โรคหัวใจ มะเร็งตับ สิ่งเหล่านี้สัมพันธ์กับการรับประทานน้ำตาลมากเกินไป 6. น้ำตาลทำให้อาการของโรคติดเชื้อที่เป็นอยู่ทวีความรุนแรงขึ้น เพราะ "เชื้อโรคทุกชนิดใช้น้ำตาลเป็นอาหาร" 7. น้ำตาลนอกจากจะมีผลต่อผู้ใหญ่แล้วยังมีผลต่อเด็กอีกด้วย เพราะถ้าหากเด็กกินน้ำตาลในปริมาณที่มากจนเกินไป จะทำให้เด็กเป็นโรคกระดูกเปราะและฟันผุได้ และอาจเป็นคนโกรธง่าย ไม่มีสมาธิในสิ่งที่ทำอยู่

เวลารักใครสักคน คุน จะ นึก ถึง ใคร

หลายคนพูดว่า ความรักคือสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่งที่เข้ามาแต่งแต้มสีสัน และเติมเต็มชีวิตของคนธรรมดาๆ คนหนึ่ง และคงจะเป็นจริงดังว่า เพราะไม่ว่ารูปทรงของภาชนะที่รองรับความรักนั้นจะมีรูปร่างเป็นเช่นไร จะกลม จะเหลี่ยม หรือเป็นรูปร่างอะไร เราก็สามารถเติมมันให้เต็มได้เสมอ บางคนวาดฝันที่จะมีความรักที่สวยงาม สมบูรณ์แบบไปในทุกๆ อย่าง แต่หากมันไม่เป็นดังหวัง ความรักนั้นก็มักจบลงด้วยความเศร้า และภาชนะที่รองรับก็กลายเป็นสิ่งที่ไร้ความหมาย ลองคิดบ้างหรือไม่ว่า อาจจะเป็นเพราะเราอยากให้ฝ่ายตรงข้ามที่เป็นคนรักของเรา คอยเติมความรักให้เต็มภาชนะอยู่เสมอ โดยที่ตัวเราเองนั่นแหละ กลับหลงลืมที่จะเติมความรักให้กับภาชนะของคู่รักของเราเช่นกัน จนทำให้เกิดช่องว่างระหว่างทั้งคู่ เช่นนั้นแล้ว ปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้น ก็คงไม่ยากที่จะแก้ไข หากเราลองสำรวจจากตัวเองก่อน เราจะเข้าใจได้อย่างดีว่า ไม่มีใครจะสามารถเติมเต็มความรัก และชีวิตของเราให้สวยงามดั่งที่เราฝันได้ นอกจากตัวเองเท่านั้น ที่จะเป็นผู้ปั้นภาชนะให้เป็นไปตามรูปทรงที่ต้องการ และหมั่นคอยเติมเต็ม เพื่อไม่ให้มันว่างเปล่าอีกต่อไป ดังมุมมองดีๆ ของหมื่นตาที่มีต่อความรักค่ะ

ความรัก

ความรัก . . . ไม่ต้องการแค่วันเดียว ความรัก . . . ไม่ต้องเกี่ยวกับวันไหน ความรัก . . . ไม่ต้องมีเวลาใด ความรัก . . . ไม่ต้องใช้ให้ใครชี้ ความรัก . . . ไม่ต้องมีข้อวิจารณ์ ความรัก . . . ไม่ต้องการ การกดขี่ ความรัก . . . ไม่ต้องให้ใครตราตี ความรัก . . . ไม่ต้องมีเส้นพรมแดน ความรัก . . . ไม่ต้องรอข้อพิสูจน์ ความรัก . . . ไม่ต้องพูดตามแบบแผน ความรัก . . . ไม่ต้องการ การตอบแทน ความรัก . . . ไม่ต้องแค่นหัวใจคน ความรัก . . . ไม่ต้องการ การเป็นต่อ ความรัก . . . ไม่ต้องรอขอเหตุผล ความรัก . . . ไม่ต้องย้ำความมีจน ความรัก . . . ไม่ต้องทน ที่จะรัก

เปิด ใจ ดู

คุณเชื่อในพรหมลิขิตไหม ? ถ้าไม่ . . . แล้วอะไรล่ะ ที่ทำให้เรามาพบกับคนหลายคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ถ้าไม่ . . . แล้วอะไรล่ะ ที่ทำให้เราถูกชะตาจนเรียกคนๆ นั้นว่า "เพื่อน" เพื่อน . . . คนที่ครั้งหนึ่งก็เป็นได้แค่คนแปลกหน้า เวลาผ่าน เวลา คนแปลกหน้าคนนั้นก็กลับกลายมาเป็นคนที่เรา "ไว้ใจ" เพื่อน . . . คนที่พร้อมอยู่กับเราเสมอๆ ไม่ว่า สุข ทุกข์ เหงา เศร้า เพื่อน . . . คนที่พร้อมแชร์ความรู้สึกต่างๆโดยไม่เคยเอ่ยปากว่า "ถ้าทำอย่างนั้นแล้วฉันจะได้อะไร" เพื่อน . . . คนที่ไม่เคยสนใจว่าเราจะหน้าตาดี มีสกุล ร่ำรวย ยากจน สูง ต่ำ ดำ ขาว หรือไม่ เพื่อน . . . คนที่ไม่เคยเสแสร้ง แกล้งทำ แต่ . . . เพื่อนตายหายากเหลือเกิน เรามองด้วยตาเปล่าไม่ได้ว่า . . . คนๆ นี้เป็นเพื่อนตายของเราหรือไม่ เรามองด้วยตาเปล่าไม่ได้ว่า . . . คนๆ นี้ เป็นคนที่พร้อมจะเคียงข้างเราเสมอไปไหม เรามองด้วยตาเปล่าไม่ได้ว่า . . . คนๆ นี้จริงใจกับเราแค่ไหน ทั้งหมดนี้ เราใช้ "ตา" มองไม่เห็น แต่ทั้งหมดนี้เราใช้ "ใจ" มองเห็นได้ เมื่อบทความ ล่วงเลยมาถึงตอนนี้ คุณล่ะ? ใช้ "ตา" มองเพื่อน หรือใช้ "ใจ" มองเพื่อน เราบอกไม่ได้ว่าคนๆ ไหนดี ไม่ดี จนกว่าเราจะมีโอกาส รู้จักกับคนๆ นั้น แล้วใช้ใจของเราสัมผัส . . . การคบใครสักคน คบเพียงกายก็ไร้ประโยชน์ แต่การคบใครสักคน จำเป็นต้องคบกันด้วย "ใจ" วันนี้ . . . คุณใช้อะไร คบเพื่อนของคุณ อย่าบอกนะว่า . . . คุณก็เป็นคนที่คบเพื่อนแค่ "ตา" เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น คุณก็คงเป็นคนที่ไม่น่าคบคนหนึ่ง อย่าลืมบอกรัก "เพื่อน" หรือมองเพื่อนด้วยใจ . . . ด้วยความรักนะคะ แล้วคุณจะเจอเพื่อนแท้ และรักคุณ

วันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ในใจ ที่ มี ให้ เทอ

ในความเป็นเพื่อน . . . ไม่ต้องการความใส่ใจมากนักแต่ในการเป็นคนรัก . . . ความใส่ใจ ดูแลกัน คือสิ่งสำคัญหากละเลยไปบ้าง . . . ก็ไม่เป็นไร ตราบใดที่ไม่ได้ละเลย . . . เพราะมี "สิ่งอื่น" ที่น่าสนใจกว่า
หากรักแท้ มีได้แค่เพียงครั้งเดียวงั้นฉันก็คง. . . ไม่มีรักแท้แน่ๆเพราะสำหรับฉัน รักแท้มีได้หลายครั้งแต่... ในแต่ละครั้งมันจะเกิดขึ้นกับคนๆ เดียว ไม่ใช่กับทุกคน

สิด ของ ใจ

สิทธิ์ของใจใครรักใครก็ไม่ผิดแต่ลองคิดสักนิดฉันผิดไหมฉันรักเธอก็ไม่ผิดสิทธิ์ของใจเธอรักใครก็ไม่ผิดสิทธิ์ของเธอ
คิดถึงเธอแทบบ้าพอเจอหน้ากลับบอกว่า ไม่ที่ต้องพูดไม่ตรงกับใจก็เพราะอายไม่กล้าบอกกันคิดถึงจนแทบบ้าแต่ไม่กล้าพูดไปอย่างนั้นเพราะว่ากลัวเธอจะรู้ทันจึงได้แต่เก็บมันไว้ในใจ
อยากแปลงกายเป็นนางฟ้าจะบินไปหาเธอในคืนนี้ให้ไม้กายสิทธิ์เสกเธอให้หลับฝันดีฝันถึงฉันคนนี้ด้วยละกัน

รัก เหมือน....

ความรักเหมือนกับ... H2O ที่จำเป็นต่อชีวิต หินผา ถ้ารักนี้มั่นคง สายน้ำ ที่ไม่มีอะไรมาตัดให้สายสัมพันธ์ให้ขาดลงได้
ก้อนเมฆ ที่เราสามารถมองได้หลายรูปแบบ ท้องฟ้า ที่จะอยู่กับเราไปทุกที่ แสงแดด ที่จะให้ความอบอุ่นกับเราเสมอ อากาศ ไม่มีตัวตน(สัมผัสไม่ได้)
ต้นหญ้า ที่สามารถเกิดได้ทุกที่ ต้นไม้ ที่เราทั้งสองต้องดูแลและใส่ใจ(ด้วยรัก)
สายลม ที่จะมาอย่างพลิ้วไหวหรืออาจดั่งพายุ ทะเล ที่สามารถจัดระบบนิเวศของมันเองอย่างสมบูรณ์ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ คาดเดาไม่ได้ว่าจะเกิดเมื่อ ไหร่

เรื่อง ของ ใจ

การคบคนก็เหมือนกับไส้อั่ว ดูจากภายนอกจะไม่ค่อยน่ากิน แต่เมื่อได้ชิมก็จะรู้ว่า รสชาติ ไม่ได้เหมือนกับ ที่คุณเห็น
ชีวิตวัยรุ่นก็เหมือนกับสัตว์หลายๆ ชนิดในสวนสัตว์ ที่ต้องการออกไปสู่โลกกว้าง… ถ้าคุณกำลังอกหักแล้วยังมองหารักใหม่... โดยที่จะเอามารักษาแผลเดิม ก็จะเหมือนกับตอนที่คุณท้องเสีย...แต่ดันกินส้มตำ
ก็เหมือนกับวันๆ หนึ่ง ที่คุณคุยกับเพื่อนเป็นร้อยประโยคแต่ก็จำไม่ได้ แต่เมื่อคุณได้คุยกับคนที่คุณแอบชอบ แม้ประโยคเดียว... คุณก็จำได้ ... จนกว่าเขาจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตน....

รัก ไม่ คาด หวัง

"รัก"...ไม่ต้องคาดหวัง
....ทำให้เมื่ออยากทำ… ....ไม่ต้องรอสิ่งตอบแทน… ....และรับในสิ่งที่อีกฝ่ายให้เมื่อเขาอยากให้… ....ไม่ต้องเรียกร้อง…
....เป็นตัวของตัวเองในบางครั้ง… ....โอนอ่อนในบางที… ....สิ่งดีๆ ก็จะเกิด…

วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

รักอ้ำอึ้ง

เพราะความรู้สึกมันเปราะบางพอมาเจอความอ้างว้างจึงเหว่ว้าเจอกับวันว่างของบางเวลาฉันจึงใจโรยราและโรยแรงเพราะความรู้สึกข้างในจิตมีคนที่แสนสนิทใจคิดแอบแฝงคนที่อยู่ไกลใจคงคลางแคลงกับกริยาที่ฉัน
แสดงออกมาก็ความรู้สึกของคนแอบรักแค่เดินไปทำความรู้จักยังไม่กล้าใจสั่นมือสั่นเท้าสั่นตัวก็สั่นทุกเวลาจะบอกรักเธอเท่าฟ้า..ก็ไม่กล้าเพราะว่าอายตัดสินใจเดินเข้าไปบอกก๊อกก๊อกก๊อกเปิดประตูใจสื่อความหมาย
เธอที่ฉันชอบ..ขอมอบรักวันวาเลนไทน์ต้องติดอ่างแทบตาย..กว่าที่จะบอกเธอได้.......... ว่างใหมไปเที่ยวกัน............

รักกกันน่ะ

เอาความรักมาฝากรับไหมหนอ ให้สมค่าที่รอคอยยิ้มหน่อยหนา ขอโทษด้วยอย่างอนฉันด้วยสายตา รักเท่าฟ้าโปรดหันมาอย่าน้อยใจยิ้มสักนิดคิดเท่าไหร่ไหนดูซิ อย่าตำหนิดวงฤทัยให้หวั่นไหว ที่ผ่านมาระยะทาง
ห่างกันไกล ขออภัยนะพี่ชายช่วยหายงจะให้ทำอย่างไรถึงจะหาย เป็นผู้ชายขี้ใจน้อยเสียจริงหนอ ผิดไปแล้วไม่ใส่ใจเธอดีพอ น้ำตาคลอขอเห็นใจใช่เรรวน เอาความรักมาฝากหากรำคาญ ดูซิแกล้งทรมานคนปั่นป่วน
หากไม่สนบอกมาเลยขอทบทวน จะรีบด่วนให้พ้นหน้าไม่มาเยือน ดีกันนะอย่าน้อยใจให้มันหนัก กลับมารักกันดั่งเดิมเติมใจเหมือน ครั้งเราสองนั่งเคียงข้างดูดาวเดือน อย่าลืมเลือน..สัญญามั่น..วาเลนไท

มีแต่รัก

เดือน นี้กุมภาพันธ์
วันวา เลนไทน์แห่ง
หนพานพบพา หวานชื่น
ความ รักเจ้าชั่งหา ความสุข
ให้มนุษย์รัก หลากล้วนชื่นมื่น
ในวันวาเลนไทน์

เดือนแห่งความรัก

เดือนแห่งรักพักใจในปีนี้คงไม่มีเธอข้างอย่างที่หวังค่ำคืนผ่านทิ้งฉันไว้ไร้กำลังคงอยู่ยังร่างกายไร้วิญญาณมองฟ้างามความฝันพลันบรรเจิดทุกสิ่งเกิดแต่จบลงคงเพียงสารทุกอย่างผ่านไปเพียงพร้อมกาลเพียงคอย
วานสายลมดูแลเธอจะหลบลี้ หนีรัก พักเร่ร่อนความดีกร่อน แตกไป ไกลล้นเหลือดีไม่ได้ จะยอมชั่ว คนเป็นเบือไปเป็นเสือ เป็นโจร บนเรือเกเป็นโจรแล้ว แคล้วคลาด จากความรักจะยอมปัก ตั้งมั่น ไม่หันเหจะยอม
เลว เร่ร่อน ด้วยร้อยเล่ห์หลบเสน่ห์ ความรัก จักคอยตามจะหลีกลี้ หนีไป ให้พ้นหน้าจะหลบตา หนีไป ไกลความหวามจะหลบหลีก ปลีกไป ไม่มากความทุกโมงยาม หลีกรัก ปักชีวัน

มอบรัก

อาจไม่ได้เป็นคนแสนดี ขี้อ้อนอาจไม่ได้เป็นคนไหวอ่อน อุ่นหวานแค่อยากให้เธอรักฉันไปนานๆจึงต้องมีนืท
านมาเล่าขานเพื่อเธอมีนิทานชื่อว่า love storyแต่งด้วยบทกวี อิ่มอุ่นไหวเพ้อเล่าเรื่องสู่หัวใจฉัน..สู่หัวใจเธอ
เล่าเรื่องว่ารักเสมอ และ รักเธอ อย่างแท้จริง

วันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

กุญแจ ของ..ใจ

กุญแจหัวใจ... การใส่แม่กุญแจ... เพื่อล็อกปัญหาต่างๆ ของชีวิต ที่เราเรียกว่า..ปิดประตูลงกลอนหัวใจ ยากที่ใครจะเปิดประตูออกมาได้ จิตใจของเราก็เช่นเดียวกัน เวลาที่ยึดติดกับปัญหาสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็มักจะปิดประตูหัวใจ...ลงกลอน...ความรู้สึก...ไว้เช่นกัน การแก้ปัญหาของชีวิต จึงเปรียบเสมือนกับการใช้กุญแจ เพื่อไขเปิดประตูกลอนหัวใจออกมานั่นเอง กุญแจชีวิต เราสามารถไขทุกๆ ปัญหา ที่เกิดขึ้นในใจของเรา แต่ต้องใช้กุญแจทองคล้องใจ ที่สามารถทะลุทะลวงปัญหาต่างๆ ได้ เปรียบเหมือนกับซี่ล็อกของกุญแจ ที่ต้องอาศัยช่างผู้ชำนาญ ค่อยสลักแกะลายกุญแจ สร้างเป็นกุญแจหัวใจ ที่ผ่านการขัดถูด้วยตะไบ จากช่างฝีมือดี ที่คอยตบแต่งให้เข้ารูป ชีวิตของคนเราก็เช่นเดียวกัน ทุกครั้งที่เกิดปัญหาในชีวิต เราอย่าที่จะพยายามปิดกั้นตนเอง ปิดกั้นอารมณ์และความรู้สึก ที่เป็นการขังตนเอง ให้อยู่ในห้องแห่งความทุกข์ แต่จงพยายามใช้กุญแจ คือ...สติในการไขห้องปัญหานั้น แล้วค่อยๆ เปิดออก เพื่อรับแสงสว่าง...เป็นแนวทางของชีวิตต่อไป

คำ ว่า ... เพื่อน

รักเพื่อนต้อง . . . เอาใจมัน . . . ชอบใคร เราชอบด้วย แม้หน้ามันสุดซวย ต้องว่าหล่อสวยช่วยยอมันรักเพื่อนต้อง . . . ให้ลอกการบ้าน อย่ารำคาญก็มันไม่เก่ง ยามมันนั่งร้องเพลง ต้องว่าเจ๋ง เดี๋ยวมันงอน รักเพื่อนต้อง . . . หมั่นโทร เซย์ฮัลโหลรายงานตัว นินทาเขาไปทั่ว จริงๆ มั่วๆ มันชอบฟัง รักเพื่อนต้อง . . . ให้ยืมตังค์ มากบ้าง น้อยบ้าง ไม่ต้องทวง กางเกงตัวสุดหวง ถ้ามันยืมก็ให้มันรักเพื่อน . . . อย่าขัดใจ มันอยากไปไหนก็ไปที่นั่น ถ้าเผลอขัดใจมัน เงินเคยให้ยืมนั้น เดี๋ยวมันอม รักเพื่อนต้อง . . . บูชาวันละ 2 เวลาต้องกราบไหว้ รูปมันเอาไปขยายใหญ่ แล้วติดไว้ใกล้หัวเตียง เอ้า! ถ้าใครมีเพื่อน ก็อย่าลืมทำแบบนี้กันนะคะรับรองถ้าทำแบบนี้ . . . เพื่อนติดตรึมแน่นอน

ลมหายใจ กับ คนพิเศษ

การที่เรามองข้ามคนที่พิเศษที่สุดของเราไป ก็เท่ากับว่า . . . เราดูถูกเค้า และกว่าที่เราจะรู้ตัวว่า เราได้ทำร้ายจิตใจของคนๆ นั้น บางทีคนพิเศษสุดคนนั้นของคุณ เค้าก็อาจจะจากคุณไปไกลแสนไกลอยากจะขอถามทุกคนที่อ่านเรื่องสั้นเรื่องนี้ว่า . . . คุณจำได้ไหม ว่าเมื่อปีที่แล้วทั้งปี คุณหายใจเข้าและออกกี่รอบ? จำได้หรือป่าว?งั้นจะขอถามใหม่ คุณจำได้ไหม เมื่อเดือนที่แล้วทั้งเดือน คุณหายใจเข้าและออกกี่รอบ? จำได้หรือป่าวคงจะจำไม่ได้ซินะ . . . งั้นจะขอถามใหม่อีกครั้ง คุณจำได้ไหม เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คุณหายใจเข้าออกทั้งหมดกี่รอบ? คุณก็คงจะจำไม่ได้เหมือนเดิม คำถามต่อไป ก็คงจะเหมือนเดิม เมื่อวานนี้ คุณหายใจเข้าออกกี่รอบ? " . . . จำไม่ได้ . . . " นี่คือคำตอบของใครหลายคน (เกือบทุกคนเลยมั้ง) แปลกนะ . . . ทั้งที่ลมหายใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในโลกใบนี้ แต่กลับไม่มีใครจำได้เลย แม้แต่คนเดียวว่าเคยหายใจไปแล้วกี่ครั้งเพราะอะไร???อาจจะเป็นเพราะเราไม่เคยเห็นความสำคัญของมันเลยเราไม่เคยต้องยากลำบากเลย ที่จะได้หายใจเข้าและออกเราไม่เคยต้องกระเสือกกระสน ที่จะได้หายใจในแต่ละครั้ง . . . แต่ถ้าเป็นวินาทีสุดท้ายในชีวิตของคุณ เหลือเพียงไม่นานล่ะ?คุณหรืออาจจะเป็นญาติมิตรของคุณ อาจจะอ้อนวอนขอกับพระเจ้า . . .ขอให้ท่านประทานลมหายใจอีกซักครั้งให้กับคุณเพื่อจะยืดเวลาให้กับคุณแม้วินาทีเดียว วินาทีที่มีค่ายิ่ง ทุกๆ คนที่อยู่รอบตัวคุณจะเฝ้าภาวนาขออย่าให้การหายใจในแต่ละครั้ง . . . เป็นครั้งสุดท้ายของคุณเลย มันเป็นสิ่งมีค่าและมีความหมายที่สุด ที่ถูกมองข้ามไป และเมื่อวันนั้นมาถึง . . . วันที่มันเดินจากคุณไป มันอาจจะหันหลังกลับมามองคุณ . . . แล้วยิ้มที่มุมปาก หัวเราะ และสมน้ำหน้า แล้วมันจะบอกว่า . . . "ที่นี้รู้หรือยังว่า ฉันสำคัญต่อนายมากเพียงใด ทุกครั้งที่นายหายใจ นายทำเหมือนกับว่า . . . ฉันเป็นเพียงแค่ทาสผู้รับใช้เมื่อวันนี้มาถึง ฉันก็ทำได้แค่หัวเราะ ในความโง่เขลาของนาย"ทุกคนก็คงจะมีคนที่พิเศษที่สุดในชีวิต คนที่สำคัญไม่แพ้ลมหายใจ หรืออาจจะสำคัญน้อยกว่า ในบางคน แค่ขอให้รู้ไว้ . . . เมื่อวันสุดท้ายมาถึง วันที่คนๆ นั้น ต้องจากคุณไป คุณจะไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้ อย่างน้อยๆ ก่อนที่เวลานั้นมาถึงอยากจะให้คุณดูแลคนๆ นั้นให้ดี . . .บางสิ่งที่หายไป อาจได้คืนมาราวปาฏิหาริย์ . . .แต่ถ้าหากคุณทิ้งขว้างไป โอกาสจะได้คืนมาคงยาก . . .ไม่แน่นะ . . . คนที่พิเศษสุดคนนั้นของคุณ. . . เค้าอาจจจะมีคุณเป็นคนที่พิเศษที่สุดก็ได้นะ

ถนนของ ใจ

ความรัก. . . ก็เป็นแค่เสี้ยวหนึ่งในชีวิต แต่. . . มันถูกแบ่งออกเป็นหลายแบบ รักพ่อแม่ รักเพื่อน รักแฟน ฯลฯ มันขึ้นอยู่ที่ว่า "เราจะตัดสินใจรักแบบไหน"การอกหัก. . . ก็เป็นอีกหนึ่งในบททดสอบ ที่พระเจ้าประทานพรมาให้กับคนทุกคนที่เกิดอยากลองมีรัก บางคน. . . ไม่เคยเจอะเจอ แต่. . . บางคนคุ้นเคย จนกลายเป็นความเคยชินการเปิดใจจึงเป็นคำตอบสุดท้ายที่ดีที่สุด ต้องมองไปข้างหน้าเพราะฉะนั้น. . . อย่าจมอยู่กับอดีต เพราะชีวิตคนเราต้องก้าวเดินต่อไป ยังมีถนนหลายสายให้เราเลือกเดิน ที่ผ่านมาอาจจะหลงไปมัววิ่งเล่นกับเส้นทางที่ไม่ได้เป็นของเรา ทำให้ไม่คุ้นเคย แต่. . . คงมีซักวันหนึ่งที่มีถนนถูกสร้างมาเพื่อเรา หรือเราลองเดินดูแล้วมัน. . . "เข้ากันดี"

ความรัก

ความรัก . . . ที่ประทับใจขอเก็บไว้ในใจแล้วอมยิ้มนะ
ความรัก . . . ที่ไม่ประทับใจขอเก็บไว้เป็นประสบการณ์
ความรัก . . . ที่ทำเพื่อผู้อื่น เป็นความภูมิใจแบบเก็บไว้เอง
ความรัก . . . ที่ทำเพื่อตัวเอง นั่นไม่เรียกว่ารัก
ความรัก . . . ที่คุณเจอในอดีต ขอให้เป็นความทรงจำที่แสนดี
ความรัก . . . ที่คุณเจอในปัจจุบัน ขอให้สมหวังกันทุกคน
ความรัก . . . ที่คุณจะเจอในอนาคต ให้อธิษฐานกันเอาเองนะ